โควิด-19 ระลอกสาม หมอธีระชี้มีโอกาสเกิดขึ้น

14 มี.ค. 2564 | 04:45 น.

โควิด-19 ระลอกสาม หมอธีระชี้มีโอกาสเกิดขึ้น ระบุยังไม่สามารถตัดวงจรของการระบาดได้

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า สถานการณ์ทั่วโลก 14 มีนาคม 2564...

ยอดรวมเกิน 120 ล้านไปเรียบร้อยแล้ว อเมริกาติดเชื้อเกิน 30 ล้าน คิดเป็นหนึ่งในสี่ของทั้งโลก

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 452,892 คน รวมแล้วตอนนี้ 120,020,226 คน ตายเพิ่มอีก 8,470 คน ยอดตายรวม 2,658,513 คน

              อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 52,894 คน รวม 30,038,806 คน ตายเพิ่มอีก 1,241 คน ยอดตายรวม 546,490 คน

              บราซิล ติดเพิ่ม 75,555 คน รวม 11,438,935 คน ยอดเสียชีวิตวันนี้ก็ยังคงรั้งอันดับหนึ่ง สูงถึง 1,986 คน เสียชีวิตรวม 277,091 คน

              อินเดีย ติดเพิ่ม 25,160 คน รวม 11,358,644 คน

              รัสเซีย ติดเพิ่ม 9,908 คน รวม 4,380,525 คน

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์

              สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีก 5,534 คน รวม 4,253,820 คน

อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน

              แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

              แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่ม ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า

              ในขณะที่แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพัน

              เกาหลีใต้ ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนเมียนมาร์ ไทย ฮ่องกง ออสเตรเลีย และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่จีน สิงคโปร์ เวียดนาม และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

              ...หากเราวิเคราะห์ดูจะพบว่า อเมริกาและสหราชอาณาจักรดูจะมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่ประเทศอื่นๆ โดยรวมดูแย่ลง การระบาดระลอกสามกำลังทวีความรุนแรงขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในยุโรป รวมถึงแถบสแกนดิเนเวีย ยูเรเชีย และในเอเชียเองด้วย

              อินเดียนั้นเคยติดเชื้อจำนวนเกือบแสนคนต่อวัน ตอน 16 กันยายน 2563 สามารถกดลงมาได้ต่ำสุดได้ราว 11,000 คนต่อวันในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 ใช้เวลายาวนานถึงเกือบ 5 เดือน ขณะนี้กำลังมีแนวโน้มจะระบาดซ้ำ เพราะช่วงสัปดาห์นี้จำนวนการติดเชื้อต่อวันทะลุเกินสองหมื่นคนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 10 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา คงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด

สำหรับของไทยเรา...การระบาดครั้งนี้ เราไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ ทำให้เราจะเจอการระบาดต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และจะมีโอกาสปะทุรุนแรงนำไปสู่การระบาดระลอกสามตามมา

              จะช้าจะเร็ว...ขึ้นอยู่กับจำนวนการติดเชื้อต่อวันที่เป็น baseline จริงหลังจากกดการระบาดระลอกสองนี้ ซึ่งส่วนตัวแล้วประเมินว่าจะสังเกตได้ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเป็นต้นไป ตามธรรมชาติของการระบาดระลอกสองโดยเฉลี่ยของทั่วโลก ซึ่งมักประเมินได้หลังจากสู้ไปโดยใช้เวลาประมาณ 2 เท่าของระลอกแรก

              หลายคนคงสงสัยว่า ก่อนหน้านี้ตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของกุมภาพันธ์ก็กดมาได้สองหลักมาตลอด ยังไม่ใช่สัญญาณที่ชัดเจนหรอกหรือ? ผมขอตอบว่าส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่ใช่ครับ และไม่เชื่อว่าจะสะท้อนสถานการณ์จริง เนื่องจากปรับวิธีการตรวจ ดังจะเห็นได้ว่าตรวจเชิงรุกน้อยมาก เคสส่วนใหญ่มาจากการมาตรวจเองที่สถานบริการ ในขณะที่พื้นที่ระบาดหนักนั้น ไม่ได้ตะลุยตรวจประชากรในพื้นที่อย่างครอบคลุมครบถ้วนทุกคน และใช้มาตรการปิดประตูตีแมว

              ดังนั้นจึงเคยฟันธงไปก่อนหน้านี้ว่า หากไม่สะท้อนสถานการณ์จริงตามที่คาดการณ์ เราก็จะเห็นการปะทุในลักษณะต่างๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์ถัดจากนั้น

              แม้จะล่าช้าไปจากที่คาดบ้าง แต่เราคงเห็นแล้วตอนนี้

              อย่างไรก็ตาม...คงต้องเอาใจช่วยให้ดีขึ้นโดยเร็ว

              เน้นย้ำว่า เราต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลหลายจังหวัด

              สงกรานต์น่ะ...หากเราจะฉลอง รดน้ำดำหัว ก็ทำเฉพาะภายในบ้านของเราก็พอนะครับ ถ้าอยู่ห่างหรืออยู่คนละจังหวัดกันก็ใช้ออนไลน์แทน อย่าตะลอนเลยครับ

              ส่วนเรื่องสาดน้ำเล่นน้ำเฮฮาปาร์ตี้นั้น ในสถานการณ์ระบาดกระจายตัวเช่นนี้ ถือว่าไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง นโยบายและมาตรการที่ส่งผลต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนนั้น จำเป็นต้องใช้"ความรู้"ที่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการ

              ด้วยรักและปรารถนาดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :