“5 เสือ” เอเยนต์ตั๋วการบินไทย กับค่าคอม ปีละ 1.8 หมื่นล้าน

12 พ.ค. 2563 | 11:40 น.

คอลัมน์ห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3574 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 14-16 พ.ค.63 โดย... พรานบุญ

ขณะที่ปัญหาใหญ่ของสายการบินแห่งชาติ “การบินไทย” กำลังเดินไปสู่ทางสองแพร่ง

 

 ทางแรก รัฐบาลลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับเงื่อนไขด้วยการ “สอดเข้าไปแก้หน้า” ผ่านการค้ำประกันเงินกู้ 54,000-70,000 ล้านบาท แลกกับการอุ้มชูให้การบินไทย ที่มีพนักงานกว่า 21,500 คน เดินหน้าต่อไปในทางธุรกิจได้ แต่อาจยืนอยู่ได้แค่ 3-4 เดือน

 

เพราะเงินกู้ก้อนนี้ จะถูกกัดกินจากเจ้าหนี้เช่าซื้อเครื่องบินไป 42,000 ล้านบาท ถูกกัดกินไปจากเจ้าหนี้เงินกู้ระยะสั้น 1 ปี ที่รอกวักมือเรียกอยู่ 21,730 ล้านบาท

 

เหลือมาใช้ในการรันธุรกิจ เพียงไม่กี่พันล้านบาท โดยมีเดิมพันแบบตายเป็นตาย ว่าต้องสามารถทำรายได้จากธุรกิจตามปกติเดือนละ 13,000 ล้านบาท เจ้าจำปีก็จะรอดตายดุจควายขวิด

 ทางที่สอง รัฐบาลและกระทรวงการคลังยื้อต่อไปไม่ไหว  เพราะถึงตอนนี้การบินไทยมีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ มีขาดทุนสะสมอยู่ 19,383 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 2.6 แสนล้านบาท มีหนี้จากค่าเช่าซื้อเครื่องบิน 140,000 ล้านบาท มีทรัพย์สิน 2.85 แสนล้านบาท แถมขาดกระแสเงินสดในมืออย่างหนัก....ปลายทางของเจ้าจำปีจะไม่เดินไปสู่แผนฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ ตามที่ “ฝ่ายบริหารและบอร์ดการบินไทย” ต้องการอีกต่อไป

 

หากแต่กำลังเดินเข้าไปสู่โหมดของการร้องต่อศาลล้มละลายเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะอยู่ที่เจ้าหนี้กะผู้ถือหุ้นที่ส่งสัญญาณออกไปกับคู่ค้าและเจ้าหนี้ทั้งหมดว่าจะมีการผ่าตัดใหญ่  และเป็นการสร้างความชอบธรรมในการชะลอการซื้อฝูงบินใหม่ 38 ลำ มูลค่า 1.5 แสนล้าน จากบริษัทโบอิ้ง สหรัฐอเมริกา

 

และเป็นการยืมมือเจ้าหนี้มามีส่วนร่วมกับแผนฟื้นฟูกิจการ ต้องยอมลดหนี้ ต้องมีการแปลงหนี้เป็นทุนเพื่อช่วยให้ธุรกิจเดินต่อได้ ไม่เช่นนั้นเงินหายกำไรหด อดได้สตางค์คืน ไปรอการชำระบัญชี จากการขายซากธุรกิจได้เลย...

 

นังบ่างผู้ช่างสังเกตบอกว่า ตอนนี้ทางเดินแคบๆ ในป่าใหญ่ของนกเหล็กปีกยักษ์ จึงคราคร่ำไปด้วยฝูงชนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่งเสียงลุ้นระทึกว่า รัฐบาลลุงตู่จะอุ้มชู “การบินไทย” ผ่านการเติมเงินแลกกับการผ่าตัดการบินไทยครั้งใหญ่ ด้วยแยกธุรกิจออกเป็น 4-5 บริษัท “ครัวการบิน-คาร์โก้-บริการภาคพื้นดิน-บริการซ่อมบำรุง-ให้ไทยสมาลย์เป็นสายการบินหลัก” โดยที่บินไทยจะเหลือเพียงโฮลดิ้งคอมพานี...ลุงตู่อุ้มหรือไม่?

 

อีเห็น และนกตะกรุม ผู้มีสายตาแหลมคมดุจเหยี่ยวทะเลทรายชี้นิ้วบอกพรานไพรว่า ไม่เพียงแค่พนักงาน กัปตัน ยันกราวด์ที่ยกมือทาบอกลุ้นระทึก บรรดา 5 ขาใหญ่ในวงการเอเย่นต์ขายตั๋วการบินไทยก็นัดการสุมหัวแบกะบาล เพื่อหาทางออกในการอยู่รอดจากการผ่าตัดการบินไทยเช่นกัน...

 

เนื่องเพราะถ้าการบินไทยไม่รอด 5 เสือขาใหญ่ก็จอดสนิท

 

ทำไมนะรึ! เพราะในระบบการทำธุรกิจการบินของเจ้าจำปีนั้น ได้มัดขาเอเย่นต์ขายตั๋วเข้ากับระบบการตลาดการพาณิชย์ของเจ้าจำปีมาร่วม 40-50 ปีแล้ว  โดยมี “อะมาดิอุส” เป็นผู้วางระบบการส่งผ่านและคอนเฟิร์มตั๋ว

 

การบินไทยถูกดีไชน์การขายตั๋วโดยตรงของการบินไทยเองแค่ 30% ส่วนตั๋วที่เหลือมอบหมายให้เอเย่นต์ร่วม 200 ราย กิน “ค่าคอมมิชชั่น”เป็นส่วนแบ่ง 10-15-20% ตามเครดิตและสายสัมพันธ์ของเอเย่นต์กับผู้บริหารฝ่ายพาณิชย์และการตลาด

 

ขาใหญ่เหล่านี้เติบโตแผ่อาณาจักรขายตั๋วและทัวร์ลงแขก ชนิดที่สามารถรวบตั๋วโดยสารที่ “คอนเฟิร์มที่นั่งได้หมด” มาตั้งแต่ยุค “สุเทพ สิบสันติวงศ์” เป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ ที่มีการจัดระดับเอเย่นต์ขายตั๋วการบินไทย จนทำยักษ์ใหญ่ทั้ง 5 ราย แผ่บารมีออกไปจนถูกขนานนามว่า 5 เสือขาใหญ่

 

 ขาใหญ่เหล่านี้ทำรายได้จากการขายตั๋วการบินไทยอย่างเป็นกอบเป็นกำทุกปีมาตลอด

พรานได้ยินเสียงนกเหล็กในการบินไทยบอกว่า รายได้จากการขายตั๋วโดยสารการบินไทยตกปีละประมาณ 1.45-1.88 แสนล้านบาท ซึ่งการบินไทยจะต้องจ่ายค่าคอมให้กับเอเย่นต์เหล่านี้ตกปีละร่วม 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท

 

ใครเป็นใครมาดูนี่....เสือตัวแรกคือ เฮงเชียง ทัวร์ แอนด์ ทราเวิล เซอร์วิส เอเย่นต์ดังย่านเยาวราช สัมพันธวงศ์ ปัจจุบันมี “เสี่ยบี” บริหารจัดการเรื่องตั๋ว

 

เสือตัวที่สอง รุ่งนิรันดร์ เอเย่นดังบางรัก มี “เสี่ยหมี” บริหารจัดการด้านเครือข่าย

 

เสือตัวที่สาม มาแจ๊สติกแทรเวล อินเตอร์เนชั่นแนล  เอเย่นต์ดังย่านมาแตร์เดอีร์ เพลินจิต มีสองพี่น้อง “เสี่ยโอ๋แอนด์เสี่ยเอิร์ธ” เป็นผู้บริหารใหญ่

 

เสือตัวที่สี่ต้องนี่ เถกิงทัวร์ ของ คุณเถกิง สวัสดิพันธ์ อดีตครูสอนหนังสือ และผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ทัวร์รอแยล ในยุคแรก ที่แม้ปัจจุบันเฮียจะหันไปทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม แต่ทัวร์ต่างประเทศยังยิ่งใหญ่หาใครทาบติด

 

เสือตัวที่ห้าเป็นขาใหญ่ เอส ที เดอลักซ์ ทัวร์ ของเฮียช้า ผู้มีแนวคิดช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม

5 เสือขาใหญ่เหล่านี้คือผู้ครองตลาดการขายตั๋วการบินไทยมายาวนานตั้งแต่รุ่นบุกเบิกยันรุ่นลูก มีสายสัมพันธ์อันแน่บแน่นกับเจ้าหน้าที่ Space Control ที่ทำหน้าที่ดูแลตั๋วที่นั่งในแต่ละเที่ยวบินมาอย่างยาวนาน

 

5 เสือขาใหญ่เหล่านี้ มีสายสัมพันธ์อันแน่บสนิทกับผู้บริหารด้านการพาณิชย์และการตลาด โดยเฉพาะมือดีที่ถูกส่งไปคุม “สำนักสีลม-หลานหลวง” ซึ่งเป็นหัวใจในเรื่องการขายตั๋ว ไม่เว้นแม้แต่ “เสี่ยปู-กรกฎ” ที่คุมอยู่ในปัจจุบัน

 

เอเยนต์รายอื่นที่ต้องการเป็น BSP-AGENT คือเอเย่นต์จำหน่ายตั๋วเครื่องบินที่จะต้องวางหลักประกันไว้กับสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) ที่เป็นองค์กรตัวแทนสายการบิน ซึ่งสายการบินพาณิชย์เกือบจะทั้งหมดเป็นสมาชิก โดยต้องวางเงินขั้นต่ำ 2.0 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันในการนำตั๋วเครื่องบินออกมาขาย

 

แต่ 5 ขาใหญ่นี่บารมีเหลือล้น ตั๋วเหลือหลายและสามารถทำราคาตั๋วให้แพงขึ้นมาเท่าไหร่ก็ได้ ให้ร่วงลงเท่าใดก็ได้ และส่วนใหญ่ราคาจะแพงกว่าปกติ 5 – 10 % แต่รับประกันได้ตั๋วโดยสารแน่นอน ไม่ต้องรอลุ้นด้วยความระทึก

 

ในรอบ 4-5 ปีมานี้เคยมีกรรมการบริษัทการบินไทยอย่างน้อย 2 ราย พยายามสั่งการทางนโยบายให้รื้อโควตาการขายตั๋วผ่านเอเยนต์ด้วยการลดสัดส่วนการขายผ่านเอเยนต์ลงมาให้อยู่ในระดับ 30-35% โดยนำตั๋วโดยสารมาเปิดขายผ่านทางออนไลน์และเชื่อมต่อกับระบบการบินของโลกในการเดินทางของผู้โดยสาร เพื่อลดค่าการตลาด ค่าคอมมิสชันจากการขายตั๋วผ่านเอเยนต์ปีละ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาทลงมา

 

 เชื่อมั้ยว่า แทบทุกคืนบอร์ด 2 คนนั้น ไม่เจอการยิงปืนใส่หลังคาบ้านก็จะเจอก้อนหิน ก้อนอิฐจากไหนไม่รู้เขวี้ยงมาใส่หลังคากระจกบ้านอยู่เนืองๆ ...55

 

ขนาดเสนาบดี “ถาวร เสนเนียม” รมช.คมนาคม สั่งหั่นค่าคอมเอเยนต์ขายตั๋วมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนบัดป่านนี้ยังไม่มีใครขยับ...เห็นฤทธิ์รึยัง

 

พอรัฐบาลลุงตู่จะผ่าตัดและปรับโฉมหน้าการบินไทยทั้งระบบเท่านั้น 5 เสือที่นานๆ จะมาสุมหัวกันกลับหันมาแบกะบาลหาทางดิ้นรนในทางธุรกิจ ทั้งล็อบบี้เสนาบดี ทั้งล็อบบี้กรรมการการบินไทย ...555

 

เพราะเงินค่าคอมก้อนโตในแต่ละปีกำลังจะหลุดจากชามข้าว...ผ่างๆ ลุงตู่ รู้รึยังว่า ผ่าตัดการบินไทย ไม่ง่ายดั่งที่คิด...หึหึ!