เมื่อ “ตั้น- ณัฏฐพล” กลืนน้ำลาย ก๊อปปี้ไอเดียแท็บเล็ต

07 พ.ค. 2563 | 11:09 น.

          จ๊อก จ๊อก จ๊อก....จิ้งจกตัวใหญ่ยังคงตามดูวีรกรรมของรัฐมนตรีนกหวีด  ‘เสี่ยตั้น’ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นลูกสมุนบิ้กบราเธอร์ (ลุงป้อม) ผ่านมา 9 เดือน ผลงานแทบไม่เห็น? ทุกวันนี้ถามหน่อยเถิดว่า.... “ใครจำชื่อรัฐมนตรีกระทรวงนี้ได้บ้าง”

          ไหน ไหน ก็ไหนไหน เมื่อสัปดาห์ก่อน จิ้งจกตัวใหญ่ ได้ปูพื้นวิเคราะห์ให้เห็น ‘เสี่ยตั้น’ ถึงความกระสันอยากนั่งเก้าอี้กระทรวงพลังงานมากจนตัวสั่น อันที่จริง ๆ คิดว่าจะปล่อยผ่าน...แต่จิ้งจกตัวใหญ่ดันได้ยินมาว่า ‘เสี่ยตั้น’ วิ่งเต้น หัวร้อนไล่ทวงบุญคุณคนอื่นเขาไปทั่ว..บุญคุณอะไร เมื่อไม่เคยคิดจะเป็นผู้ให้ใครเลย แถมยังปล่อยข่าวทำลายล้าง เมื่อข่าวที่ออกมาไม่ตรงกับใจ ว่าแล้วจิ้งจกตัวใหญ่ ขอให้ติดตามซีรี่ส์ ‘เสี่ยตั้น’ รัฐมนตรีนกหวีดต่อไปซะหน่อยก็แล้วกัน  จ๊อก จ๊อก จ๊อก

          ย้อนกลับไปช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่ต้องเผชิญวิบัติภัยโควิด19 อย่างหนัก รัฐบาลถึงกับต้องประกาศ พรก.ฉุกเฉิน และประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกจากเคหะสถานตั้งแต่เวลา 22.00 - 04.00 น. ประกอบกับทุกภาคส่วนให้ความร่วมมืออย่างดีในการ #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ แต่การหยุดนั้นไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างทุกธุรกรรมจะต้องหยุดลงตามไปด้วย หลายหน่วยงานก็มีนโยบาย work form home เพื่อไม่ให้ธุรกิจหยุดชะงัก ขณะเดียวกันช่วงนี้ก็ใกล้เปิดเทอมของน้อง ๆ หนู ๆ ที่ซึ่งการเรียนการสอนก็ไม่สามารถที่หยุดได้...ก็ต้องหาวิธีการเช่นกัน 

          นั่นจึงเป็นเหตุ.... รัฐมนตรีนกหวีด ‘เสี่ยตั้น’ เกิดไอเดียใสปิ๊ง ปิ๊ง ปิ๊ง เอาละหวา !!! ก้อปปี้นโยบายผู้นำดังในอดีต ปลุกผีฟื้นโครงการประชานิยมด้วยการแจกแท็บเล็ตให้กับครู นักเรียนทั่วประเทศ เพื่อที่จะสามารถ study and learning from everywhere ได้เช่นกัน จริงอยู่ว่า การให้นักเรียนมีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย เพื่อให้ก้าวทันการเรียนการสอนในโลกยุคใหม่ จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนสนับสนุน เพียงแต่ แนวคิดการจัดซื้อแท็บเล็ต แจกโรงเรียน แจกครู แจกนักเรียน มันมีบทเรียนอันเลวร้ายมาแล้ว...จิ้งจกตัวใหญ่ ถามจริง ๆ ทำไม ‘รัฐมนตรีนกหวีด’ ท่านนี้ถึงคิดไม่พ้นหัวแม่เท้าตัวเอง? 

          หากท่านบอก...ว่าท่านจำไม่ได้ (ทั้ง ๆ ที่ท่านเดินถนนเป่านกหวีดไล่ขับพ้นประเทศ) ว่า โครงการแจกแท็บเล็ตก่อนหน้านี้นั้น มันเป็นโครงการเปิดช่องให้เสือโหยหาประโยชน์กันอย่างไร ? จิ้งจกตัวใหญ่อาสาเล่าเหตุการณ์ย้อนหลังให้ฟัง ถือเสียว่าเป็น วิทยาทาน
 
          ‘แจกแท็บเล็ต’ เป็นหนึ่งในโครงการประชานิยมเจ้าปัญหา เป็นแนวคิดตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายกฯคนดัง  ที่เริ่มขายฝันจนมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างได้ เมื่อส่งน้องสาวเข้าเล่นการเมือง จึงชูการแจกแท็บเล็ตเป็นนโยบายขายฝัน  เช่นเดียวกับโครงการจำนำข้าว ที่ทำให้ได้รับเสียงเลือกตั้งถล่มทลาย

          โครงการนี้ถือเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เปิดช่องให้มีการรั่วไหลทางงบประมาณอย่างมาก  เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่เร่งจัดซื้ออย่างมาก และมีจำนวนมากด้วยเช่นกัน  แต่เจ้าแท็บเล็ตที่จัดซื้อจัดจ้างมาในครั้งนั้นอายุใช้งานสั้นมาก ใช้งานเต็มที่ได้ 2-3 ปี จึงไม่คุ้มค่า นี่ยังไม่รวมหากซ่อมแซม หรืออัพเกรดสเปค ล้วนมีค่าใช้จ่ายตามมาทั้งสิ้น ในช่วงนั้นมีเสียงคัดค้านอย่างหนัก ถึงแนวคิดการจัดซื้อแท็บเล็ต หากนำงบประมาณกระทรวงศึกษา ไปจัดซื้ออุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ เป็นพันล้าน จึงไม่คุ้ม

          นโยบายประชานิยมโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา หรือ แท็บเล็ต ต่อ 1 นักเรียน มีการขอจัดสรรงบไว้ใน พรบ.งบประมาณ 2556 ยกตัวอย่างมาให้ดูแค่บางพื้นที่เช่น ในเขตพื้นที่การศึกษา ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่ามีการขอวงเงินไว้ 1,170 ล้านบาท  ส่วนปีงบประมาณ 2557 รัฐบาลเวลานั้นกันงบไว้ทำโครงการนี้ ร่วม 5,800 ล้านบาท

          ต้องบอกว่า...การดำเนินโครงการนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ด้วยผลประโยชน์มหาศาล จึงมีปัญหามาตั้งแต่เริ่ม โครงการแจกแท็บเล็ตให้กับ นักเรียนระดับประถมศึกษา ปีที่ 1 ในปี 2555 ที่ใช้งบประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท  ตอนนั้นกระทรวงไอซีที เป็นผู้จัดซื้อ ก็พบข่าวในทางลบส่งกลิ่นเน่าเหม็นออกมามากมาย เช่น การจัดซื้อล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ แบตเตอร์รี่ไม่เก็บไฟ ปัญหาเรื่อง ศูนย์ซ่อมน้อยไม่ครอบคลุม  ที่สำคัญ ความพร้อมของโครงข่ายอินเตอร์เน็ต และในพื้นที่ห่างไกลไม่มีไฟฟ้า ทำให้แท็บเล็ตที่แจกไปนั้นไม่ต่างกับกระดานชนวน ผลาญงบประมาณแผ่นดินไปเปล่า ๆ 

          ปีงบประมาณ 2556 ได้เพิ่มแจกให้นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพิ่มเติมอีกระดับใช้งบประมาณสูง 3,000 กว่าล้านบาท ซึ่งมีการเปลี่ยนรูปแบบจัดซื้อ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือ สพฐ. รับผิดชอบแทน โดยยังคงใช้วิธีจัดซื้อแบบประมูล โดยแบ่งพื้นที่เขตการศึกษาออกเป็นโซนตามภาคต่าง ๆ  ก็ปรากฎว่า กระบวนการต่างๆ มีปัญหาติดขัดหลายเรื่อง เช่น บริษัทคู่สัญญา ที่ชนะการประมูล ต้องส่งมอบ แท็บเล็ตให้สพฐ. ไม่สามารถจัดส่งเครื่องได้ตามสัญญา จนต้องทำอี-ออกชันใหม่ ส่อฮั้วประมูลจนบริษัทเอกชนบางแห่ง ต้องร้องให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

          ต้องบอกกันตรง ๆ ว่า โครงการแจกแท็บเล็ตเวลานั้น มีแต่ปัญหาการดำเนินงานตลอด ซึ่งการตั้งงบไว้ปีละหลายพันล้านบาท แต่ในปีสุดท้ายของรัฐบาล มีงบ 5,800 ล้านบาทสำหรับโครงการนี้ ก่อนจะถูกคสช.ทำรัฐประหาร และต่อมา รัฐบาล คสช.สั่งให้ยุติโครงการแท็บเล็ตดังกล่าว แล้วโยกงบประมาณหลายพันล้านบาทดังกล่าว ไปทำโครงการอื่น

          ความเหมือนแนวคิดครงการประชานิยมด้วยการแจกแท็บเล็ตจาก ‘นายกฯคนดัง สู่ ‘เสี่ยตั้น’ เป็นโครงการขายฝัน และเปิดช่องทางคอร์รัปชั่นให้อีแร้งสบช่องหากินกันได้อย่างมหาศาล ทั้ง ๆ ที่ทุกวันนี้คนไทยจะอดตายอยู่แล้ว....ส่วนความต่าง คือ รัฐบาลในอดีตเดินโครงการได้ แต่ ‘เสี่ยตั้น’ ม้วนเสื่อเร็ว แท้งก่อนคลอด เพราะลุงตู่ไม่เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะหวั่นว่าจะซ้ำรอยผลาญงบประมาณแผ่นดินหลายพันล้านเหมือน”รัฐบาลยุคก่อน"

          นี่น่ะหรือ....นักการเมืองรุ่นใหม่ที่ประกาศปาวปาว ว่า “จะเล่นการเมืองแบบใหม่ เชิงสร้างสรรค์” แต่ไหนล่ะ กลับคิดวิธีการแบบเดิม ก๊อปปปี้กันจะจะ ส่วนวิธีการจะทำแบบเดิมหรือไม่ มิอาจทราบได้  นี่เป็นการ “กลืนน้ำลายตัวเอง”หรือไม่  ก่อนเป็นรัฐมนตรี ยอมเดินตากแดดตากลมเป่านกหวีดขับไล่เขา แต่วันนี้กลับเดินตามแนวทางเขาทุกกระเบียดนิ้ว ถามตรง ถามจริงเถอะว่า ท่านรัฐมนตรีนกหวีด ไม่อายคนในชาติหรือ? จะหลงเหลืออะไรให้เป็นความภาคภูมิใจ ในการนั่งเก้าอี้กระทรวงนี้บ้างเนี่ย จ็อก จ็อก จ็อก ....