กัลฟ์เทคฯอินทัช พุ่งเป้าธุรกิจไฮเทค

22 เม.ย. 2564 | 19:10 น.

ส่องอาณาจักร “กัลฟ์” เติบโตจากธุรกิจไฟฟ้า ตั้งเป้าปี 70 ขยายกำลังผลิตเท่าตัว 1.4 หมื่นเมกะวัตต์ พร้อมก้าวสู่ธุรกิจโทรคมนาคมเต็มตัวซื้อหุ้น INTUCH หวังต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจเปิดเสรีขายไฟฟ้า และผลกำไรที่สมํ่าเสมอจาก ADVANC

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้แจ้งทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท อินทัช โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ที่คาดว่าจะใช้เงินราว 1.69 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นราว 81.07 % จากปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 18.93 % ถือเป็นการรุกเข้าสู่ธุรกิจด้านโทรคมนาคม ของกลุ่มกัลฟ์ฯ อย่างเต็มตัว 

ในวงการต่างมองว่าการดีลธุรกิจที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ได้อยู่เหนือบนความคาดหมาย ภายใต้การนำของนายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับทุกรัฐบาล ซึ่งกลุ่มกัลฟ์ฯพยายามที่จะเข้าไปรุกธุรกิจทางด้านนี้อยู่แล้ว เพื่อสยายปีกโครงสร้างธุรกิจทั้ง 5 ธุรกิจที่มีอยู่ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะการรุกเข้าสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ที่เข้าร่วมประมูลโครงการขนาดใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการประมูลโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะ 3 ที่จะเซ็นสัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในไตรมาส 2 ปีนี้ และยังมีโครงการติดตั้งและบริหารระบบเก็บเงิน (O&M) มอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา (M6) และมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) คาดว่าจะเซ็นสัญญา PPP ได้ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้

 

เริ่มต้นจากธุรกิจไฟฟ้า

หากย้อนกลับไปการดำเนินธุรกิจของกลุ่มกัลฟ์ฯ ถือว่านายสารัชถ์ เข้ามามีบทบาทตั้งแต่แรก จากผู้ที่เคยอยู่ในแวดวงทางการเงิน และก้าวเข้ามาสู่วงการพลังงาน โดยการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่หรือไอพีพี และมาถึงการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายเล็กหรือเอสพีพี ส่งผลให้ธุรกิจไฟฟ้าในปัจจุบันมีโครงการที่ลงนามซื้อขายไฟฟ้าแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนาราว 36 โครงการ ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม โอมาน และเยอรมัน รวมกำลังผลิตราว 13,556 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ หากรวมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเข้าไปด้วยแล้ว จะมีกำลังการผลิตเป็น 14,304 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570 โดยจะมาจากโครงการโรงไฟฟ้า IPP ที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วกำลังการผลิตรวม 11,172 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วน 78%, โรงไฟฟ้า SPP รวม 2,394 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วน 17% และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 738 เมกะวัตต์

ขณะที่ปี 2573 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนโรงไฟฟ้า Power Generation อยู่ที่ 70% และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 30% โดยจะมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ (Hydro Power Projects) ที่สปป.ลาว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาคาดว่าจะได้ข้อสรุปในครึ่งปีหลังนี้

ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจไฟฟ้ากลุ่มกัลฟ์ฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ 6,409 เมกะวัตต์ และคาดภายในสิ้นปี 2564 จะเพิ่มเป็น 7,903 เมกะวัตต์ ซึ่งภายใต้โครงการที่สามารถจ่ายไฟฟ้าหรือ COD ได้ทั้งหมด บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไว้ราว 50% จากปีก่อนอยู่ที่ 35,833 ล้านบาท และจะทำให้กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มถึงระดับ 4 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตที่ 50%

 

รุกธุรกิจก๊าซต่อยอด

จากการปูพื้นฐานของธุรกิจไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เอง ส่งผลให้กลุ่มกัลฟ์ เริ่มสยายปีก เข้าสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว และรุกเข้าสู่ธุรกิจต้นน้ำอย่างก๊าซธรรมชาติต่อยอดให้กับธุรกิจไฟฟ้าที่มีอยู่

ที่สำคัญกลุ่มกัลฟ์ฯได้ก้าวเข้าสู่การลงทุนก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ที่สามารถรองรับการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีได้ถึง 10.8 ล้านตันต่อปี และยังได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติภายใต้กิจการร่วมค้า (HKH) เพื่อจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง ในปริมาณรวม 1.4 ล้านตันต่อปี อีกด้วย

รวมถึงตั้งบริษัท ปตท. จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด หรือ PTT NGD เพื่อลงทุนในการก่อสร้างระบบท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดระยอง ล่าสุดได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน PTT NGD โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 2% จาก บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด (CPBE) ด้วยมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 130 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นใน PTT NGD ประกอบด้วย บมจ. ปตท. (PTT) ถือหุ้น 58% และกัลฟ์ฯ ถือหุ้น 42%


กัลฟ์เทคฯอินทัช พุ่งเป้าธุรกิจไฮเทค

รองรับเปิดเสรีไฟฟ้า

ส่วนการลงทุนในหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท INTUCH นั้น กัลฟ์ฯได้ชี้แจงเหตุผลถึงการเข้าทำเทนเดอร์ INTUCH ว่ามาจากการเล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจที่จะเข้าสู่ดิจิตอล ซึ่งบริษัทต้องการโครงสร้างพื้นฐานดิจิตอล ไม่ได้ต้องการธุรกิจโทรศัพท์มือถือ หรือดาวเทียม INTUCH เป็นบริษัทที่มีดิจิตอลครอบคลุม จะช่วยบริษัทให้เตรียมความพร้อมเข้าสู่อนาคตดิจิตอลได้ ทั้งนี้ คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนกรกฎาคม 2564

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย )มองว่า กัลฟ์ฯ มองเห็นโอกาสการลงทุนใหม่ที่ให้ผลตอบแทนยั่งยืน โดย INTUCH น่าจะเป็นการลงทุนที่ดี มีกำไรสม่ำเสมอจาก ADVANC ซึ่งเป็น Operator อันดับหนึ่งของไทย ช่วยให้ INTUCH มีกระแสเงินสดอิสระต่อปีประมาณ 9,000-10,000 ล้านบาท ฐานะการเงิน INTUCH มีหนีสิ้นมีภาระดอกเบี้ยต่อทุนแค่ 0.09 เท่า

นอกจากนี้ INTUCH จะเป็นหนทางการต่อยอดการลงทุนของกัลฟ์ฯในด้านการเข้าสู่ธุรกิจเปิดเสรีขายไฟฟ้า ซึ่งจะทำธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) แต่ในช่วงนี้กัลฟ์ฯมองผลตอบแทนเงินลงทุนจาก INTUCH น่าพอใจ อีกทั้งภาระการลงทุนจากมุมมองที่ทำเทนเดอร์ไม่ทั้งหมด ฐานะการเงินของกัลฟ์ฯ ยังรับได้ล่าสุดมี Net Gearing 1.4 เท่า ยังต่ำเทียบกับข้อจำกัดการกู้ของบริษัท 3.5 เท่า ทางบริษัทยังมีช่องทางการกู้เงินเพื่อลงทุนอีก 150,000-170,000 ล้านบาท โอกาสเพิ่มทุนน้อย

ทั้งนี้ หากประเมินการถือหุ้น 50% คาดว่าจะมีการรวมงบ และจะมีกำไรส่วนเพิ่มจาก INTUCH ประมาณปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท เทียบกับประมาณการกำไรกัลฟ์ฯประมาณ 7,000 - 8,000 ล้านบาท ซึ่งผลดีจากการซื้อ INTUCH จะเป็นส่วนเพิ่มต่อกำไรในแง่การรวมงบ

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,672 วันที่ 22 - 24 เมษายน พ.ศ. 2564