New normal ธุรกิจแอร์ไลน์ไทยยุคโควิด

26 เม.ย. 2563 | 10:10 น.

ในวิกฤตโควิด-19 เราจะเห็นมุมมองใหม่จากความร่วมมือของ 8 สายการบินเอกชนของไทย ในการร่วมฝ่าวิกฤตที่เกิดขึ้น รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของการปฏิบัติการบินในยุคนี้ ที่ต้องให้ความสำคัญด้านมาตรฐานการควบคุมโรคเป็นสำคัญ ทั้งยังสร้างโอกาสให้สายการบินได้ปรับโครงสร้างราคาขาย ให้สามารถปรับราคาขึ้นได้ตามเพดานราคาขั้นสูง จากเดิมที่ไม่เคยทำได้ จากสมรภูมิสงครามราคาที่แข่งขันกันมานาน

         นับวันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลให้อุตสาหกรรมการบินโลกได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้นทุกที ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 เม.ย.2563 สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) ก็ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ความสูญเสียรายได้ของอุตสาหกรรมการบินโลก เพิ่มเป็น 3.14 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ (10.24 ล้านล้านบาท) สูงขึ้นกว่าการประเมินครั้งก่อนเมื่อวันที่ 24 มีนาคม2563 ถึง 25%  
         ที่ผ่านมาสายการบินทั่วโลกต้องลดและยกเลิกปริมาณเที่ยวบินลงไปอย่างมาก จากปริมาณเที่ยวบินทั่วโลก 1.96 แสนเที่ยวบินต่อวันในเดือนก.พ.ลดลงเหลือ 7.42 หมื่นเที่ยวบินต่อวันเมื่อสิ้นเดือนมี.ค. 2563       
        ในส่วนของสายการบินของไทยในช่วงที่ผ่านมาก็ต้องทยอยหยุดทำการบินชั่วคราวกันถ้วนหน้า เนื่องจากบินไปก็ไม่คุ้มกับการปฏิบัติการบิน จากจำนวนผู้โดยสารที่ในแต่ละเที่ยวบินมีไม่ถึง 10%

New normal ธุรกิจแอร์ไลน์ไทยยุคโควิด
         แต่ในวิกฤติครั้งนี้ยังเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในมุมมองใหม่ของสายการบินเอกชนของไทย จากเดิมที่ต่างเปิดศึกแข่งขันกันอย่างรุนแรง วันนี้ทั้ง 8 สายการบินของไทย ต่างหันมาจับมือร่วมกันเพื่อฝ่าสถานการณ์อันยากลำบากเช่นนี้
          โดยรวมกลุ่มกันร้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ทั้งขอลดการจ่ายภาษีน้ำมันเครื่องบินที่ก็เป็นไปด้วยดี  การขอลดค่าธรรมเนียมต่างๆในสนามบิน ซึ่งล่าสุดก็เพิ่งได้รับการตอบสนองจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท.ในการลดค่าธรรมเนียมแลนด์ดิ้ง,ค่าจอดอากาศยานลง50%
         มาตรการความช่วยเหลือเหล่านี้ก็แค่ช่วยได้ระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะสิ่งที่ 8 สายการบินต้องการมาก
ที่สุดในเวลานี้ คือ การขอให้รัฐบาลสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟต์โลน วงเงินรวมกัน 24,150 ล้านบาท เพื่อประคองธุรกิจและรักษาสภาพการจ้างงานให้มากที่สุด  

New normal ธุรกิจแอร์ไลน์ไทยยุคโควิด
          “ที่ผ่านมาสายการบินต่างๆก็ช่วยเหลือตัวเอง ทั้งลดค่าใช้จ่าย ลดเงินเดือน บางสายการบินปลดพนักงานออกไป แต่ค่าใช้จ่ายก็ยังเดินอยู่ ในขณะที่การหยุดบินไปไม่มีรายได้ แต่ละสายการบินต่างมีเงินสดที่พอจะประคองธุรกิจได้ถึงพฤษภาคม -มิถุนายนนี้ การขอซอฟต์โลนจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะประคองธุรกิจให้ยังพอไปได้ ไม่เช่นนั้นหากรัฐไม่ช่วยเหลือ แล้วสายการบินล้มไป เมื่อทุกอย่างคลี่คลายใครจะมาช่วยบิน เพื่อฟื้นการท่องเที่ยวให้กลับมาโดยเร็ว นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) ย้ำ

New normal ธุรกิจแอร์ไลน์ไทยยุคโควิด
         ซอฟต์โลนก้อนนี้จึงมีความสำคัญต่อสายการบินเป็นอย่างมาก ซึ่งล่าสุดหลังจากสายการบินได้หารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ก็ยังคงต้องรอต่อไป เพราะสายการบินต้องไปทำรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องของค่าใช้จ่ายของแต่ละสายการบินก่อน เพื่อให้สศค.จะนำเรื่องนี้เสนอในระดับนโยบายต่อไป โดยหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนซอฟต์โลนจากสถาบันการเงินของรัฐ

 

       วันนี้แน่นอนล่าช้าไปบ้างแล้ว จากความต้องการที่สายการบินอยากจะเบิกเงินงวดแรกเป็นจำนวน25% ภายในสิ้นเดือนเม.ย.นี้ ตราบใดที่ยังไม่ได้เงินมาประคองสภาพคล่อง ก็คงต้องมีการเลิกจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นต่อจากนี้ไปอีก สายการบินเหล่านี้มีลูกจ้างอยู่กว่า 3 หมื่นคน รวมถึงลดขนาดองค์กรลงไปเรื่อยๆเพื่อพยุงให้สายป่านขาดช้าที่สุด
        สอดคล้องกับความเห็นของไออาต้า ที่เรียกร้องให้บรรดารัฐบาลให้อัดฉีดสภาพคล่องให้กับสายการบินโดยเร่งด่วน เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤต ไม่เช่นนั้นสายการบินจำนวนมากจะเข้าสู่ภาวะล้มละลาย  หลังการแพร่ระบาดทำให้การเดินทางทางอากาศแทบยุติลงโดยสิ้นเชิง
        นอกจากการขอซอฟต์โลนแล้ว สายการบินต่างก็มองโอกาสที่จะกลับมาทยอยบินใหม่ ซึ่งเริ่มมีสัญญาณการกลับมาเปิดบินอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของจีนเริ่มคลี่คลาย และจีนได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง ทำให้สายการบินระดับภูมิภาคและสายการบินต้นทุนต่ำ (LCC) ของจีนได้กลับมาให้บริการบินในประเทศบ้างแล้ว นับจากการเปิดบริการของท่าอากาศยานนานาชาติอู่ฮั่น เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่าน
         ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียก็เริ่มเห็นการขยับตัวเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มแอร์เอเชีย ไม่ว่าจะเป็นแอร์เอเชีย มาเลเซีย จะเปิดบินวันที่ 29เมษายนนี้  แอร์เอเชีย อินโดนีเซีย เปิดบินวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ แอร์เอเชีย ฟิลิปปินส์ เปิดบินวันที่ 1พฤษภาคมนี้  แอร์เอเชีย อินเดีย บินวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดบินในประเทศเป็นหลัก ส่วนการเปิดบินระหว่างประเทศ ยังต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากรัฐบาลของแต่ละประเทศด้วย
         ในส่วนของไทยเอง ไทยแอร์เอเชีย และไทยไลอ้อนแอร์ ก็มีแผนจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ หลังจากหยุดบินทุกเส้นทางไปก่อนหน้านี้  ซึ่งก็เป็นแค่การประคองตัวเท่านั้น เพราะท่ามกลางภาวะเช่นนี้ดีมานต์ของผู้โดยสารยังคงมีจำกัดอยู่ แต่อย่างน้อยเมื่อพอมีโอกาส สายการบินก็ต้องการกลับมาเปิดบิน และเริ่มมองไปถึงการขายตั๋วล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้น ก็ยังพอมีสภาพคล่องเข้ามาได้บ้าง ควบคู่กับการเซฟคอสท์  

 

     New normal ธุรกิจแอร์ไลน์ไทยยุคโควิด

    การกลับมาเปิดบินในครั้งนี้ของสายการบินต่างๆในเอเชียรวมถึงไทยจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานในการบินใหม่ ที่แตกต่างจากเดิม เพราะต้องเฝ้าระวังเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสเป็นสำคัญ โดยในส่วนของไทยนับจากวันที่ 1 พ.ค.นี้ การโดยสารเครื่องบินในยุคโควิด จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
        1. ให้สายการบินขายตั๋วแบบที่นั่งเว้นที่นั่ง ซึ่งเป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) แน่นอนว่าจำนวนที่นั่งของเที่ยวบินแต่ละเที่ยวหายไปประมาณ 30%
     2. ก่อนขึ้นเครื่องผู้โดยสารต้องวัดอุณหภูมิไม่เกิน 37.3 องศาเซลเซียส
     3. การเช็คอิน การเข้าคิวรับบอร์ดดิ้งพาส การตรวจค้นสัมภาระ และการเดินเข้าเกต เข้างวงช้าง จะต้องเว้นระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 1 เมตร 
      4. ส่วนกรณีขึ้นรถจากบัสเกตไปขึ้นเครื่องบิน จะต้องลดจำนวนผู้โดยสารบนรถบัสลงเช่นกัน
      5. บนเครื่องบินผู้โดยสารต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนเครื่อง
      6. ห้ามสายการบินเสิร์ฟอาหาร และให้ผู้โดยสารดื่มน้ำบนที่นั่ง หากจำเป็นเช่น กินยา ให้ไปกินท้ายเครื่อง
       7. เที่ยวบินที่มีระยะเวลาการบินเกิน 90 นาที สายการบินจะต้องจัดแถวที่นั่ง 2 แถวสุดท้าย เป็นที่นั่งพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่มีอาการป่วยระหว่างการเดินทาง
         อย่างไรก็ตามการจัดที่นั่งขายตั๋วที่น้อยลง จะกระทบต่อรายได้ของธุรกิจการบิน ทางออกคือการปรับราคาตั๋วเครื่องบินที่สูงขึ้น ซึ่งราคาตั๋วโดยสารบางเส้นทางอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 100% ในกรณีที่ตั๋วโดยสารอยู่ในอัตราไม่ถึง 1,000 บาทต่อเที่ยว อาจเพิ่มเป็น 2,000 บาทต่อเที่ยว เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้หมายว่าการปรับขึ้นราคาจะทำได้ทุกเส้นทาง เพราะต้องขึ้นกับดีมานต์ของผู้โดยสารด้วย หากขึ้นราคาตั๋วแต่ไม่มีผู้โดยสารก็ไม่มีประโยชน์ แต่ละสายการบินอาจจะพิจารณาโปรโมชั่นราคาตั๋วโดยสารของตนเองอยู่แล้ว
        นางนันทพร โกมลสิทธิ์เวช ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวว่า แม้มาตรการขายที่นั่งเว้นที่นั่งจะส่งผลต่อความเสี่ยงที่จะไม่คุ้มทุน แต่คาดว่าจะสามารถขายตั๋วโดยสารได้ในราคาที่สูงกว่าที่ผ่านมา เพราะปกติอัตราการบรรทุกที่คุ้มทุนจะอยู่ประมาณ 60% และการจัดที่นั่งโดยสารแบบที่นั่งเว้นที่นั่งน่าจะสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ราว 60% เช่นเดียวกัน เมื่อรวมเข้ากับราคาตั๋วโดยสารที่เพิ่มขึ้น จึงมีโอกาสที่สายการบินจะสามารถไปถึงจุดคุ้มทุนเมื่อเปิดให้บริการตามปกติบางเส้นทางบิน   
      อีกทั้งในการกลับมาเปิดบินครั้งนี้ สายการบินจะทำการบินเพียงเส้นทางละ1เที่ยวบินต่อวัน และจะวิเคราะห์ตลอดเวลาว่าถ้าเที่ยวบินไหน มีผู้โดยสารจองน้อยมาก ก็อาจจะต้องยกเลิก ซึ่งก็ต้องปรับแผนตลอดเวลาเช่นกัน                  
          นายรัช ตันตนันตา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ กล่าวว่า ขณะนี้สายการบินนกแอร์ยังไม่ได้พิจารณาจุดคุ้มทุนใหม่หลังการกำหนดให้ขายตั๋วโดยสารแบบที่นั่งเว้นที่นั่ง แต่คาดว่าราคาตั๋วโดยสารคงไม่ต่ำเท่ากับในอดีตที่มีการแข่งขันด้านราคากันสูงมากแน่นอน และเชื่อว่าราคาขายตั๋วโดยสารนับจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นราคาตามต้นทุนจริงๆ ซึ่งต่างกับที่ผ่านๆ มาที่การเปิดเสรีส่งผลกระทบให้ต่อการแข่งขันทางด้านราคาอย่างมาก
         ที่ผ่านมาตั๋วโดยสารของสายการบินต้นทุนต่ำในประเทศไทยถูกกว่าสายการบินต้นทุนต่ำในยุโรปมาก หรือเรียกได้ว่ามีราคาแค่ 1 ใน 3 ของสายการบินต้นทุนต่ำในยุโรปเท่านั้น ทำให้หลังจากนี้เมื่อไม่สามารถแข่งขันกันด้วยปัจจัยทางด้านราคาได้แล้วเชื่อว่าอุตสาหกรรมการบินก็จะเปลี่ยนไปด้วย
           การปรับขึ้นราคาที่จะเกิดขึ้นกลุ่มผู้โดยสารที่มีความจำเป็นต้องเดินทางอาจได้รับผลกระทบ แต่จะเป็นผลดีแก่ธุรกิจสายการบิน เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีการกำหนดเพดานการขายขั้นสูงของสายการบินต้นทุนต่ำอยู่ที่ 9.40บาทต่อกิโลเมตร ขณะที่สายการบินปกติเพดานราคาขายขั้นสูงจะอยู่ที่ 13 บาทต่อกิโลเมตร แต่ที่ผ่านมาด้วยสงครามราคา ทำให้สายการบินต้นทุนต่ำขายตั๋วในราคาอยู่ที่เฉลี่ย 5 บาทต่อกิโลเมตรเท่านั้น เพราะใช้ราคาเป็นกลยุทธในการแข่งขัน ทำให้ที่ผ่านมาธุรกิจสายการบินต่างแบกภาระกันขาดทุนอ่วม
        ดังนั้นสายการบินต่างๆยังสามารถปรับขึ้นราคาได้อีกโดยไม่เกินเพดานที่กำหนดไว้ ซึ่งอย่างน้อยก็ทำให้สายการบินที่กลับมาบินใหม่ยังพอไปได้ และในช่วงนี้สายการบินก็จะขายในราคาที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้อยู่รอดได้ การดัมพ์ราคา อย่างโปร0บาท หรือการตัดราคาแข่งกันคงหายไปชั่วคราว จนกว่าโควิดจะคลี่คลาย  และสายการบินจะหันมาแข่งขันกันเต็มรูปแบบอีกครั้ง