สุริยะ เล็งดึง 184 โรงงานทั่วประเทศร่วมธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม

21 มี.ค. 2564 | 09:50 น.

สุริยะ เล็งดึง 184 โรงงานทั่วประเทศร่วมธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมปี 64 สร้างเครือข่ายรัฐ เอกชน ประชาชน บริหารจัดการอย่างเป็นระบบ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้ดำเนินการนำหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม ที่ขับเคลื่อนและสานพลังจาก 3 ภาคส่วนสำคัญ คือ สถานประกอบการ ประชาชน  และภาคราชการ มาปรับใช้ โดยให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด ร่วมสร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างความตระหนักให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชน

รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการของสถานประกอบการ เพื่อเป็นเครือข่ายสำคัญในการเฝ้าระวังและร่วมป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมและตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้โรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการอุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนได้

              ทั้งนี้ กระทรวงฯให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศให้มีความเข้มแข็งอย่างมีศักยภาพ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำกับดูแลสถานประกอบการและเฝ้าระวังสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการนำมาตรการเชิงรุกมาใช้ในการตรวจสอบควบคู่กับการนำระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน เช่น

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

การเปิดเผยข้อมูล การเข้าไปตรวจสอบข้อมูล และการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าภาคอุตสาหกรรมมีการพัฒนาและเติบโตเป็นไปอย่างรวดเร็ว และย่อมมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั้งปัญหามลพิษทางอากาศ และทางน้ำที่จะนำไปสู่ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ และประชาชนในชุมชนโดยรอบ

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การบริหารจัดการลุ่มน้ำและพัฒนาระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม เป็นมาตรการสำคัญที่กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง  โดยสื่อสารถ่ายทอดนโยบายและแนวทางการดำเนินการเรื่องธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมเป็นประจำทุกปีให้แก่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด เพื่อปลูกฝังให้บุคลากรในสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับภาคประชาชนเกิดความตระหนัก โดยนำหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม 7 ข้อประกอบด้วย

1.หลักประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ,2.หลักประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ,3.หลักความโปร่งใส ,4.หลักความรับผิดชอบต่อสังคม ,5.หลักนิติธรรม ,6.หลักความยุติธรรม และ7.หลักความยั่งยืนมาปรับใช้กับการดำเนินกิจการของสถานประกอบการ เพื่อเป็นการลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนและชุมชนโดยรอบของสถานประกอบการ ซึ่งจะเริ่มการดำเนินงานเชิงรุกด้วยการกำหนดและวางมาตรการการตรวจสอบสถานประกอบการที่ถูกร้องเรียนและสถานประกอบการที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสายหลักที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ

สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากภาคเอกชนและประชาชนในพื้นที่ โดยในปี 2563 มีผู้ประกอบการนำระบบธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมมาใช้และผ่านเกณฑ์มาตรฐานรายใหม่เพิ่มขึ้น 188 ราย และมีการตรวจสอบคุณภาพในลุ่มน้ำสายหลัก ลำธาร คู คลอง หนอง และบึง  ที่สำคัญในพื้นที่รวมทั้งสิ้น 1,133 จุด ส่งผลให้มีสถานประกอบการเข้าร่วมนับตั้งแต่ปี 2551-ปัจจุบัน  จำนวน 2,724 โรง มีเครือข่ายสะสมรวม 12,676 ราย

“ปี 2564 ยังได้ตั้งเป้าหมายในการสร้างการ  มีส่วนร่วมจากสถานประกอบการไม่น้อยกว่า 184 รายซึ่งเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามเป้าได้ เพื่อมุ่งให้เกิดการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ สู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่กับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”