ปตท.กำไรหด 5.51 หมื่นล้านปี 63 เซ่นพิษโควิด-19 ระบุจ่ายปันผล 1 บาท

23 ก.พ. 2564 | 07:30 น.

ปตท.กำไรหด 5.51 หมื่นล้านปี 63 ลดลง 59.4% จากปี 62 หลังถูกกระทบจากเชื้อโควิด-19 ระบุจ่ายปันผล 1 บาท

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ”ปตท.” เปิดเผยผลการดำเนินงาน ปตท. ในไตรมาส 4/63 ว่า เริ่มฟื้นตัว โดย ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 7.16 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.14 พันล้านบาท หรือ 6.1% และกำไรสุทธิในไตรมาส 4/63 จำนวน 1.31 หมื่นล้านบาท ลดลง 973 ล้านบาท หรือ 6.9% จากไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับผลการดำเนินงานของปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 2.25 แสนล้านบาท ลดลง 6.33 หมื่นล้านบาท หรือ 21.9% มีกำไรสุทธิจำนวน 3.77 หมื่นล้านบาท ลดลง 5.51 หมื่นล้านบาท หรือ 59.4% จากปี 62 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีจากผลการบริหารจัดการตลอดปีที่ผ่านมา แม้ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและธุรกิจพลังงานโลกที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้  เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19)

อย่างไรก็ดี ล่าสุดคณะกรรมการ ปตท. ในการประชุม เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท แบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และ 6 เดือนหลัง  อีก 0.82 บาท

อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์

“กลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้ให้รัฐ ทั้งในรูปเงินปันผลและภาษีเงินได้ในปี 2563  จำนวน 3.65 หมื่นล้านบาท หากรวมนับตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน รวมจำนวนประมาณ  9.9 แสนล้านบาท”

นายอรรถพล กล่าวต่อไปอีกว่า การดำเนินธุรกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568)  กลุ่ม ปตท. เตรียมแผนลงทุนในวงเงินรวมประมาณ 8.5 แสนล้านบาท (ไม่รวมโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการลงทุนหรือแสวงหาโอกาสในการลงทุน)  และจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จำนวนประมาณ 8.04 แสนล้านบาท  เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง  สร้างความเข้มแข็งและความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจไทย  ทั้งในธุรกิจหลักของกลุ่มโรงกลั่น ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี  มุ่งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆด้วยการรุกธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต

รวมถึงเชื่อมต่อคุณค่าจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมสู่ประชาชน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน  เพื่อให้เกิดระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) ตั้งแต่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และก๊าซธรรมชาติ สู่ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า จนถึงธุรกิจแบตเตอรี่และการกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage) และยานยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) พร้อมเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ ได้แก่ โครงการ LNG Terminal 2 (หนองแฟบ) โครงการโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 7 โครงการท่อก๊าซฯบนบกเส้นที่ 5 รวมถึงการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ผ่าน บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) โดยมีเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 4.3 GW ภายในปี 2568

นอกเหนือจากนวัตกรรมด้านพลังงาน  กลุ่ม ปตท. ยังเตรียมพร้อมก้าวสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยในอนาคต เช่น  การจัดตั้งบริษัท AI and Robotics Venture (ARV) ของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ "ปตท.สผ." รวมถึงการจัดตั้งบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจ Life Science ใน 4 กลุ่มธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ได้แก่ 1. ธุรกิจยา  2. ธุรกิจอาหารและโภชนาการ  3. ธุรกิจอุปกรณ์และวัสดุทางการแพทย์  4. ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์  เพื่อให้เป็น New S-Curve ของกลุ่ม ปตท. และประเทศไทย  ทั้งยังส่งเสริมสาธารณสุขคนไทยให้มั่นคง

ในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม กลุ่ม ปตท. ได้ร่วมกันยกระดับการพัฒนาธุรกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำควบคู่กับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  ผ่านการกำหนดค่าเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่ม ปตท. 27% เทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานตามปกติ ปี 2573  รวมถึงการสานต่อโครงการเพื่อสังคมต่างๆ โดยจะมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าร่วม  เสริมสร้างความเข้มแข็งทางสังคม โดยดำเนินโครงการ Restart Thailand สนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้ และทักษะอาชีพ ด้วยการจ้างแรงงาน พนักงาน และนักศึกษาระดับ ปวช.- ปริญญาตรีในทุกภูมิภาค กว่า 25,000 อัตรา

ซึ่งในส่วนของ ปตท. ได้มีการฝึกอบรมนักศึกษาจบใหม่  เพื่อให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม  และพัฒนาทักษะด้านต่างๆ  ในโครงการ SMART Farming สนับสนุนชุมชนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรสู่วิถีใหม่ และ SMART Marketing เพื่อยกระดับสินค้าชุมชนและส่งเสริมการใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์และ  E-commerce เป็นต้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :