จากข่าวดีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 ได้เห็นชอบให้ขยายความครอบคลุมผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ว่างงานจากเหตุสุดวิสัยทำให้นายจ้างหยุดกิจการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว ผู้ประกันตนมีสิทธิรับเงินกรณีว่างงาน 62% ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน เช่นเดียวกับการหยุดประกอบกิจการตามคำสั่งของทางราชการจากผลกระทบโควิด-19 แต่ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นในเวลานี้คือสำนักงานประกันสังคมในหลายพื้นที่ตีความการหยุดกิจการชั่วคราวจากเหตุสุดวิสัยไม่เข้าหลักเกณฑ์การได้รับเยียวยา
นายกิตติศักดิ์ อุดมแดงอร่าม นายกสมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทางสมาคมได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกหลายราย จากทั้งหมด 150 รายว่า หลังจากที่ ครม.มีมติข้างต้นทางผู้บริหารโรงงานที่ได้ปิดกิจการชั่วคราว ได้ไปคุยกับสำนักงานประกันสังคมพื้นที่ที่นายจ้างต้องออกหนังสือขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีลูกจ้างว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยจากการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนได้นำยื่นขอใช้สิทธิรับเงินต่อไป
แต่ปรากฏสำนักงานประดันสังคมในหลายพื้นที่ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และรอบๆ เช่นสมุทร สาคร สมุทรสงคราม ตีความว่าไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับเงินเยียวยา ขณะที่คนงานบางโรงที่ยื่นเรื่องเพื่อขอใช้สิทธิแล้วก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะได้รับเงินเยียวยาหรือไม่
“จากมติ ครม.และประกาศกฎกระทรวงแรงงานในเรื่องนี้มีความชัดเจนว่าโรงงานที่ปิดกิจการชั่วคราวจากมีเหตุสุดวิสัยได้รับผลกระทบจากโรคติดต่ออันตรายคือโควิด-19 คนงานผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเงินกรณีว่างงาน 62% ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน หรือ 3 เดือนด้วย
แต่มีหลายสำนักงานประกันสังคมหลายเขตพื้นที่วินิจฉัยคำว่าเหตุสุดวิสัยต่างกัน บางแห่งบอกไม่เข้าเกณฑ์ บางแห่งก็อ้ำๆ อึ้งๆ ให้คำตอบไม่ชัดเจนว่าจะได้หรือไม่ได้ ล่าสุด( 29 เม.ย.63) ทางสมาคมจะทำหนังสือถึงสำนักงานประกันสังคมกลางเพื่อขอเข้าหารือถึงความชัดเจนเพื่อให้สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ได้เข้าใจและปฏิบัติให้ตรงกัน”
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะแรงงานในอุตสาหกรรมเครื่องประดับเงินมี 3-4 แสนคนทั่วประเทศและส่วนใหญ่อยู่ในระบบประกันสังคม หากไม่ได้รับการเยียวยาจะส่งผลกระทบวงกว้างจากการขาดรายได้ และอาจออกจากงานถาวร ซึ่งจะกระทบอุตสาหกรรมเครื่องประดับเงินในระยะยาวเพราะแรงงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานฝีมือหาทดแทนยาก
ขณะที่โรงงานสมาชิกและโรงงานในอุตสาหกรรมภาพรวมเวลานี้มีการปิดกิจการแล้วชั่วคราวแล้วกว่า 50% และกำลังวางแผนหยุดกิจการชั่วคราวอีกจำนวนมาก เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้คู่ค้าในต่างประเทศชะลอหรือยกเลิกคำสั่งซื้อ จากการล็อกดาวน์ในประเทศคู่ค้า ส่งผลให้เขาต้องหยุดกิจการชั่วคราวเช่นกันและกระทบถึงโรงงานผลิตในไทยเป็นลูกโซ่
หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,571 วันที่ 3 - 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2563