“จุรินทร์”นัดถกบิ๊กส่งออกไก่ ดันตัวเลข-รับมือโควตาอียู

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ในวันพรุ่งนี้(21 เม.ย.63)นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะมีการประชุมหารือกับกลุ่มผู้ผลิตไก่สด/แปรรูป ประกอบด้วย สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย  บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)  บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน)  สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ 

ทั้งนี้เพื่อหารือถึงแนวทางการส่งออกไก่แปรรูปเพิ่มขึ้น แม้ว่าปัจจุบันการส่งออกไก่จะไม่มีปัญหา แต่ผู้ส่งออกมีความกังวลว่าหลังจากที่อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป(อียู) จะทำให้โควตาการส่งออกสินค้าไก่ที่ไทยเคยได้รับจากอียู(รวมอังกฤษ)ไปทั้ง 2 ประเทศทมีข้อจำกัดมากขึ้น(ปัจจุบันไทยได้โควตาส่งออกไก่แปรรูปจากอียู ปีละ 174,000 ตัน ภาษีนำเข้าในโควตาอัตรา 8.5% นอกโควตาอัตรา 1,200 ยูโรต่อตัน และไก่หมักเกลือไทย ได้รับจัดสรรโควตา 92,000 ตัน ภาษีในโควตาอัตรา 15.4% นอกโควตา 1,300 ยูโรต่อตัน)

                                       จุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์

ดังนั้นการหารือในวันที่ 21 เมษายนนี้จะเป็นการประชุมเพื่อหารือและรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปวางแผนการส่งออกต่อไป

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร การส่งออกสินค้าไก่ของไทยช่วง 3 เดือนแรกปี 2563 มีมูลค่ารวม 26,778 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3% โดยตลาดส่งออก 5 อันดับแรก ประกอบด้วยญี่ปุ่น อังกฤษ จีน เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ สัดส่วน 53%, 18%, 9%, 5% และ4 % ตามลำดับ

ก่อนหน้านี้นายคึกฤทธิ์ อารีปกรณ์ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปี 2562 ไทยมีการส่งออกสินค้าไก่สดแช่แข็งและแปรรูปปริมาณรวม 954,000 ตัน มูลค่า 111,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้ส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 ปริมาณ​ 438,000 ตัน​ มูลค่า​ 59,700 ล้านบาท​ ตลาดสหภาพยุโรป(อียู) 320,000​ ตัน​ มูลค่า​ 33,800 ล้านบาท​ ตลาดอื่นๆ​ 196,000 ตัน​ มูลค่า​ 18,000​ ล้านบาท​ สำหรับในปี 2563 สมาคมตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 980,000 ตัน มูลค่า 120,000 ล้านบาท ซึ่งต้องรอผลกระทบด้านบวกและด้านลบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อการนำเข้าของคู่ค้าอีกครั้ง แต่เบื้องต้นคาดตลาดจีนที่สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายมีความต้องการนำเข้ามากขึ้น ส่วนตลาดญี่ปุ่นที่เลื่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกออกไป รวมถึงตลาดอียูซึ่งยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ยังต้องลุ้นว่าจะเป็นเช่นไร