การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ลอยนํ้าในอ่างเก็บนํ้า เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน เพราะการศึกษาของธนาคารโลกชี้ให้เห็นว่าไฟฟ้าที่ผลิตจากแสงแดดผ่านโซลาร์เซลล์ลอยนํ้ามีต้นทุนตํ่าและเป็นพลังงานที่สะอาดด้วย กว่า 30 ประเทศ ทั่วโลกลงทุนในด้านนี้แล้ว และมีแนวโน้มว่าจะลงทุนเพิ่มขึ้นอีกต่อไป
เมื่อปีที่แล้ว ธนาคารโลกได้รายงานเกี่ยวกับตัวเลขค่าลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์ลอยนํ้าในโครงการต่างๆ ทั่วโลกว่า การติดตั้งมีต้นทุนประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯหรือ 30 บาทต่อวัตต์ ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ลอยนํ้ามีต้นทุน (levelized cost) ประมาณ 6 เซ็นต์ต่อหน่วย (กิโลวัตต์ชั่วโมง) หรือ 1.80 บาทต่อหน่วย
ถ้าต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยเป็น 1.80 บาทต่อหน่วย ต้องถือว่าเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างตํ่าและตํ่ากว่าราคาที่ กฟผ. ขายส่งให้กับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (ปัจจุบันอยู่ที่ 2.50 - 3 บาทต่อหน่วย)
สำหรับโครงการโซลาร์เซลล์ลอยนํ้าระบบแรกที่ กฟผ. จะติดตั้งที่เขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ว่ากันว่าเป็นโครงการโซลาร์เซลล์ลอยนํ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น กฟผ. ได้ตั้งวงเงินลงทุนไว้ 2,266 ล้านบาท คิดเฉลี่ยเป็นวัตต์ละประมาณ 50 บาท
ปรากฏว่าเมื่อมีการประมูลประกวดราคาจัดซื้อและจ้างก่อสร้างโครงการ โดยมีผู้เสนอราคาประมูลที่ผ่านทางเทคนิคทั้งหมด 21 ราย กฟผ. ได้เลือกกลุ่มบริษัท บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาประมูลตํ่าสุด และได้ลงนามในข้อตกลง ว่าจ้างไปเมื่อเดือนมกราคม 2563 เรียบร้อยแล้ว
ที่น่าตั้งข้อสังเกตคือราคาค่าจ้างที่ตกลงกันเป็นจำนวนเงิน 842 ล้านบาท คิดเฉลี่ยเป็นวัตต์ละไม่ถึง 20 บาท ยังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของวงเงิน งบประมาณที่ กฟผ. ได้ตั้งไว้ตอนเริ่มประมูล
เงินลงทุนที่ลดลงหมายถึงต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ลดลงด้วย ผมได้ลองคำนวณดูโดยใช้เงินลงทุน 842 ล้านบาท ติดตั้งระบบที่มีขนาดการผลิตไฟฟ้า 45 เมกะวัตต์ โดยสมมติให้มีอายุโครงการ 25 ปี ผลิตไฟได้วันละ 4 ชั่วโมง สมมติให้มีค่าบำรุงรักษาปีละ 0.1% ของเงินลงทุนและเพิ่มขึ้น 3% ต่อปี และใช้อัตราดอกเบี้ย 8% ต่อปี
ปรากฏว่าต้นทุนการผลิตไฟฟ้าคำนวณแบบ levelized cost ตกหน่วยละ 1.22 บาท หรือประมาณหน่วยละไม่ถึง 5 เซ็นต์สหรัฐฯ ยิ่งถูกกว่าที่ กฟผ. คาดไว้ตอนเริ่มประมูล และตํ่ากว่า ที่ธนาคารโลกคาดไว้โดยอาศัยข้อมูลการลงทุนของประเทศต่างๆ ในอดีต
จริงๆ แล้ว ด้วยต้นทุนหน่วยละ 1.22 บาท โครงการโซลาร์เซลล์ลอยนํ้า นี้สามารถแข่งขันได้กับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้ถ่านหินหรือก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงด้วยซํ้าไป แต่ก็จะมีคนค้านว่าโซลาร์เซลล์ผลิตไฟได้เฉพาะช่วงที่มีแดดเท่านั้น จึงใช้เป็นโรงไฟฟ้าแบบ firm หรือแบบ base load (คือเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง) ไม่ได้เหมือนโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือก๊าซธรรมชาติ
แต่ผมอยากจะเสนอว่า ถ้าเราเพิ่มระบบกักเก็บพลังงานให้ใช้ร่วมกับโครงการโซลาร์เซลล์ลอยนํ้านี้ ซึ่งอาจจะเป็นระบบพลังนํ้าแบบสูบกลับ (pumped hydro storage) เช่นเดียวกับที่ลำตะคอง หรือหากภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวยอาจจะใช้แบตเตอรี่ก็ได้ จะทำให้โครงการนี้มีการจ่ายไฟฟ้า
ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าแบบ base load ได้ คือผลิตไฟได้เป็นจำนวนมากในช่วงที่มีแดดและเก็บส่วนเกินไว้ในระบบกักเก็บพลังงานเพื่อนำมาจำหน่ายในช่วงเย็นหรือคํ่าได้
ผมเชื่อว่าเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบกักเก็บพลังงานได้พัฒนาไปอย่าง รวดเร็ว ทำให้ต้นทุนลดลงมากแล้ว
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,546 วันที่ 6 - 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563