KEY
POINTS
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่แหล่งผลิตสินค้า GI “ฝรั่งสามพราน” จังหวัดนครปฐม ตรวจเยี่ยมกระบวนการผลิตสินค้าตามมาตรฐาน GI พร้อมหารือเกษตรกร ผู้ประกอบการ หน่วยงานท้องถิ่น ถึงแนวทางยกระดับผลผลิต GI ในปี 2569 ซึ่งกรมให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพ ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม และส่งเสริมช่องทางตลาดใหม่ๆ
ทั้งนี้ ฝรั่งสามพราน ได้รับการขึ้นทะเบียน GI เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 ฝรั่งสามพรานมี 7 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์กิมจู พันธุ์สุ่ยมี่ พันธุ์แป้นสีทอง พันธุ์สาลี่ทองไร้เมล็ด พันธุ์หงเป่าสือ พันธุ์เฟิ่นหงมี่ และพันธุ์แตงโม ภาหลังจากขึ้ยทะเบีบน GI ปัจจุบันฝรั่งสามพรานมีราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ 50 – 70 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นประมาณ 1.7 – 2.3 เท่า จากช่วงก่อนเป็น GI ที่มีราคาอยู่ที่ 30 บาทต่อกิโลกรัม
นอกจากนี้ ในแต่ละปีมีปริมาณผลผลิตกว่า 11,631 กิโลกรัม ส่งจำหน่ายในตลาดค้าผลไม้ขนาดใหญ่ ทั้งตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดเมืองทอง ตลาดศรีเมือง รวมทั้งร้านค้าเครือข่าย Lemon Farm และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 350 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนั้ ผู้ประกอบการยังได้ต่อยอดแปรรูปฝรั่งสามพรานเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าและใช้ประโยชน์จากผลผลิตให้ครบทุกส่วน อาทิ น้ำฝรั่งสกัดเย็น ฝรั่งแผ่นอบกรอบ ชาใบฝรั่ง เป็นต้น ซึ่งล้วนมีรสชาติอร่อยและได้ประโยชน์จากฝรั่งแท้ๆ รวมทั้งพัฒนาสวนปลูกฝรั่งสามพรานให้เป็นศูนย์เรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมและได้รู้จักฝรั่งสามพรานเพิ่มมากขึ้น
นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางส่งเสริมสินค้า GI โดยในปี 2569 กรมมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานสินค้าและสร้างการยอมรับในวงกว้าง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยมีแนวทางสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่
1. พัฒนาศักยภาพผู้ผลิตสินค้า GI โดยส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการผลิต การควบคุมคุณภาพ และการใช้เครื่องหมาย GI อย่างถูกต้อง การตลาดออนไลน์ การสร้างแบรนด์ การจัดทำเรื่องราวผลิตภัณฑ์ (Product Story) และการใช้กลยุทธ์ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
2. เดินหน้าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้า GI ไทย โดยใช้สื่อหลากหลายช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ จุดเด่น และอัตลักษณ์ของสินค้า GI แก่กลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง
3. สนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การแปรรูป และการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยยังคงเอกลักษณ์ของสินค้า GI เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและตอบสนองความต้องการของตลาดสมัยใหม่
4. ขยายช่องทางการตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยประสานความร่วมมือกับห้างค้าปลีก ตลาดพรีเมียม แพลตฟอร์มออนไลน์ และเครือข่ายพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและขยายตลาดใหม่
5. บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอกและระดับนานาชาติ เพื่อสร้างการยอมรับและผลักดันสินค้า GI ไทย เข้าสู่ตลาดสากลอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างรายได้กลับสู่ชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป