‘นิติธร’ขู่จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ เจอฟ้องแน่

18 พ.ย. 2562 | 07:45 น.

 

คดีค่าโง่โฮปเวลล์ อาจพลิกกลับมาเป็นบวก เมื่อนายนิติธร ลํ้าเหลือ ทนายความ ผู้ได้รับมอบอำนาจจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกระทรวงคมนาคมพบ ประเด็นใหม่ กรณี นายกอร์ดอน วู  ประธานบอร์ดบริหารบริษัท โฮปเวล โฮลดิ้งส์ฯ หนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดของฮ่องกง เจ้าของผู้รับสัมปทานโฮปเวลล์ ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในประเทศไทย โดยไม่มีพระราชกฤษฎีการองรับ ซึ่งขัดต่อประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 (ปว.281) เนื่องจากเป็นบริษัทต่างด้าว ทำให้การจัดตั้งบริษัทดังกล่าวถือเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้น ส่งผลให้สามารถใช้จุดนี้ต่อสู้คดีโดยที่รัฐไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว

‘นิติธร’ขู่จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ เจอฟ้องแน่

ทั้งนี้ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดี นายนิติธร เปิดเผยว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังยืนยันที่จะต่อสู้และเดินหน้าเต็มที่ในเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่มีหนังสือร้องถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น

นายนิติธร ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ตนเองนั้นอยู่เบื้องหลังของการทำคดีนี้ ซึ่งมีระยะเวลาที่สั้น ครบกำหนดวันบังคับคดีเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อให้การทำคดีมีประสิทธิภาพต้องนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมตรี(ครม.) จึงได้สรุปปัญหาต่างๆรวม 12 ประเด็นให้กับนายศักดิ์สยาม นำไปขอความเห็นเพื่อมีมติจากครม. ตั้งคณะทำงาน แต่กลับไม่มีมติครม.ออกมาในวันนั้น แต่มีบันทึกของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้ดำเนินการใน 2 ส่วน คือ 1.ให้เจรจากับโฮปเวลล์ ซึ่งแนวทางนี้มีโอกาสสูงที่รัฐบาลจะต้องจ่ายตามคำพิพากษาของศาล

และ 2. ให้ตั้งคณะทำงานเพื่อถามความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ รฟท. กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) โดยให้คำนึงว่า ถ้าจะสู้คดีมีทางที่จะชนะหรือไม่ และต้องคำนึงถึงดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายวันละ 2.4 ล้านบาทตลอดระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน) ก่อนที่จะครบกำหนดด้วย

อย่างไรก็ดี ในหนังสือไม่ได้ระบุชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการตั้งทีมทำงาน แต่ชัดเจนว่าให้เจรจา เรื่องที่ให้รวบรวมข้อเท็จจริงคือ หากรวบรวมได้แล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้นไม่ได้ให้อำนาจเอาไว้ ดังนั้นสิ่งที่รัฐมนตรีจะทำได้ก็คือ การรวบรวมข้อเท็จจริง และการเจรจา จึงไม่ได้หมายความว่า กระทรวงคมนาคมจะอยู่เฉยกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนก็ได้มีการประชุมร่วมกัน

ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ว่า เมื่อไปถึงศาลแล้วมีการถอนฟ้องนั้น ก่อนหน้าถึงวันครบกำหนดเพียง 2 วัน หลังจากที่เห็นเอกสารในมือทั้งหมดแล้วเห็นว่า มี 2-3 เรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ ต้องฟ้องเพิกถอนการรับจดทะเบียน บริษัท โฮปเวลล์ ประเทศไทย ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ เป็นบริษัทต่างด้าว และไม่ดำเนินการตาม ปว. 281 ซึ่งจะประกอบธุรกิจตาม ปว.281 ได้นั้นจะต้องมีพระราชกฤษฎีกาออกมาก่อน

“เป็นโมฆะตั้งแต่ตั้งบริษัท บริษัทนี้จดทะเบียนในประเทศนี้ไม่ได้ และจะมาประกอบธุรกิจนี้ไม่ได้”

ที่สำคัญมติครม.กำหนดไว้ชัดเจนว่า ให้สัมปทานนี้กับบริษัทโฮปเวลล์ ฮ่องกง ไม่ใช่โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ซึ่งถ้าโฮปเวลล์(ประเทศไทย)จะเป็นผู้ดำเนินการได้นั้นต้องนำเข้าที่ประชุมครม.เพื่อขอถอนมติ ครม.เดิม และออกมติ ครม.ใหม่ส่วนกรณีที่ผลักดันให้รัฐบาลเข้ามาเป็นโต้โผฟ้องคดีนี้เองนั้น เนื่องจากเป็นคดีต้องได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ

‘นิติธร’ขู่จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ เจอฟ้องแน่

ผู้ตรวจการแผ่นดิน และกรมบัญชีกลาง ดังนั้นถ้าให้กระทรวงคมนาคม รับเป็นเจ้าภาพดำเนินการจะไม่ราบรื่น และเกิดความล่าช้า และโครงการนี้เป็นโครงการของรัฐบาล กระทรวงคมนาคมแค่ทำหน้าที่ในการลงชื่อแทนเท่านั้น

ทั้งนี้ ล่าสุดได้ทำหนังสือให้ไปยื่นถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพดำเนินการเรื่องนี้ ถ้าไม่ทำแล้วจ่าย ยืนยันว่าจะดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด พร้อมทั้งเตรียมยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อื่นๆให้ดำเนินการเรื่องนี้ด้วย อาทิ รฟท. กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมบัญชีกลาง และบีโอไอ เป็นต้น

หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3523 วันที่ 17-20 พฤศจิกายน 2562