แจกหุ้น3เด้งสู้ตลาดสวิง ‘พฤกษา–เอเซียเสริมกิจ’ จัดหนักปันผล7%

20 ก.ย. 2559 | 05:00 น.
นักวิเคราะห์เฟ้นหุ้นปลอดภัยสูง พื้นฐานแกร่งหลบตลาดผันผวน คุณสมบัติเด่น 3 ข้อ จ่ายปันผลเกิน 4% ต่อปี พี/อี ไม่เกิน 15 เท่า และราคาหุ้นมีอัพไซด์เกิน15 % “เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง- พฤกษา” แจกหนักสุดให้ผลตอบแทนปันผล 7% บลจ.กสิกรไทยฯ จ่ายปันผลกองทุน LTF พร้อมกัน 4 กอง ยีลด์ 4.08 -6.41% ต่อปี บลจ.ทิสโก้ฯ เห็นโอกาสทองออกกองทุน LTF เก็บหุ้นปันผล


นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยที่ผันผวน ทางฝ่ายวิจัยฯคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ แกว่งตัวในกรอบแคบ ที่ 1,435-1,460 จุด ทำให้การเก็งกำไรระยะสั้นทำได้ยากขึ้น ดังนั้น คำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้นอกจากสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีแล้ว ยังมีหุ้นพื้นฐานแกร่ง เงินปันผลสูง โดยเข้าเงื่อนไขคือ เงินปันผลสูงเกินกว่า 4 % ต่อปี อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช) ไม่เกิน 15 เท่า มีความผันผวนต่ำ และราคามีส่วนเพิ่มหรืออัพไซด์สูงเกินกว่า 15 % ดังนี้

บมจ. เอ็ม.ซี.เอส.สตีล คาดการณ์ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล(ดิวิเดนต์ ยีลด์) สำหรับผลการดำเนินงานปี 2559 ในอัตรา 6.20 % ต่อปี บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส 6.72 % บมจ.กรุงไทยคาร์เร้นท์ 6.27 % บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง 7.49 % บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท 7.22 % บมจ.เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ 6.76 % และบมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร คาดการณ์ให้ดิวิเดนต์ ยีลด์ 6.05 % ต่อปี (ดูตารางประกอบ)

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัสฯ มองกรณีบมจ.ฮานา ว่า จะได้รับผลดีจากไตรมาส 3/2559 เข้าสู่ฤดูกาลส่งออก ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลังจะกลับมาเติบโตโดดเด่นจากสินค้าในกลุ่มยานยนต์ การแพทย์ ขณะที่ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาด และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างมาก ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงถือเป็นจุดเข้าสะสมที่ดี โดยมีพีอี เรโช เพียง 10.5 เท่า และยังคาดหวังเงินปันผลได้มากกว่า 6 %

กรณีบมจ.เอ็ม.ซี.เอส สตีล คาดว่าไตรมาส 3/2559 ผลประกอบการโดดเด่นจากปริมาณการส่งออกรวมทรงตัวระดับสูง รวมทั้งการแข็งค่าของเงินเยน สำหรับหุ้นบมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง นอกจากให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงแล้ว ยังมีปัจจัยหนุนจากโครงการก่อสร้างภาครัฐผลที่ตามมาคือ ทำให้ความต้องการใช้สินเชื่อรถบรรทุกเพิ่มขึ้น

ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจกำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีก่อนซึ่งปิดตัวเลขที่ 330.99 ล้านบาท แม้จะทำรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4,170 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าเติบโต 5% เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว

ขณะที่DRT ยังคงดำเนินนโยบายลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลประกอบการออกมาดี ประกอบกับได้ชำระหนี้สถาบันการเงินไปบางส่วน ส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลงค่อนข้างมาก โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 8% จากปีก่อนที่ 7.93% โดยในช่วงครึ่งปีแรกขึ้นไปถึง 10.87% แนวโน้มปี 2560 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 3-5% จากปีนี้ ปัจจัยหนุนจากการลงทุนภาครัฐ รวมถึงภาคเอกชนที่มีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ภายใต้การบริหารของบริษัทจ่ายเงินปันผล จำนวน 4 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2558-31 สิงหาคม 2559 ซึ่งประกอบด้วยกองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF) โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.77 บาทต่อหน่วย, กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ในอัตรา 0.61 บาทต่อหน่วย, กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล (K70LTF) ในอัตรา 0.34 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล (KGLTF) ในอัตรา 0.72 บาทต่อหน่วย รวมมูลค่าเงินปันผล 1,669.92 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ที่มีการจ่ายปันผลในครั้งนี้ จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ก.ย. 58-31 ส.ค. 59) กองทุน LTF สามารถจ่ายเงินปันผลได้จากเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นที่กองทุนถืออยู่ โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ย 4.08-6.41% ต่อปี

ส่วนนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ. ทิสโก้ฯ กล่าวว่า บริษัทได้ออกกองทุนLTF คือ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ดิวิเดนด์ ซีเล็ค หุ้นระยะยาว” หรือ TDSLTF เน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ที่มีการจ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ
จากการศึกษาของ บลจ.ทิสโก้ฯพบว่าเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาค่าเฉลี่ยของอัตราเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 3.06% (ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.12% ต่อปีเท่านั้น (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย)ดังนั้นหากคัดหุ้นปันผลให้ดีอาจจะได้หุ้นที่มีอัตราเงินปันผลสูงถึง 5-6%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,193 วันที่ 18 - 21 กันยายน พ.ศ. 2559