ตราสารหนี้นอกอายุ3-6เดือนตอบโจทย์ดอกเบี้ยตํ่า

17 มิ.ย. 2559 | 07:30 น.
ผู้จัดการกองทุนแนะกองทุนเทอมฟันด์ ลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอายุ 3-6 เดือน ทางออกสำหรับนักลงทุนรับเสี่ยงได้น้อย ชี้เหมาะในสถานการณ์ดอกเบี้ยโลกต่ำ เศรษฐกิจซึม ชี้ผลตอบแทน 1.70 – 1.85% ต่อปี ไม่ขี้เหร่เทียบเงินฝาก บลจ.กสิกรไทย เสริฟลูกค้าทุกสัปดาห์ บลจ.กรุงไทย ชูลงทุน 3 เดือน ผลตอบแทน 1.40% ต่อปี

นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า บริษัทมีนโยบายออกกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการ (เทอมฟันด์)ต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน

ส่วนสาเหตุที่กองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี คาดว่ามาจากมุมมองของนักวิเคราะห์กรณีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา(เฟด) มีโอกาสชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาพรวมที่ยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด

ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัว โดยธนาคารโลกได้ปรับลดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เหลือ 2.4% จากเดิม 2.9% ทำให้นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก ยังคงหันเข้ามาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อรอดูจังหวะความชัดเจนของตลาด

"ในภาวะอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำทั่วโลก การลงทุนในตราสารหนี้ก็ยังคงให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากประจำ "นายชัชชัย กล่าวและว่า

สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนควรติดตามในช่วงนี้ ได้แก่ ผลการประชุมเฟดในวันที่ 14-15 มิถุนายน 2559 เกี่ยวกับสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ และผลการทำประชามติของอังกฤษในเรื่องการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่จะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญทำให้ตลาดมีความผันผวนในระยะสั้น

นายชัชชัย กล่าวว่า สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยและต้องการพักเงินประมาณ 3-6 เดือน เพื่อรอดูความชัดเจนพร้อมโอกาสล็อกผลตอบแทนที่แน่นอน ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีกำหนดอายุโครงการ

ล่าสุดบลจ.กสิกรไทย ได้ออกกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดีเอ (KEFF6MDA) ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน โดยกองทุนดังกล่าวสามารถปิดการเสนอขายหน่วยลงทุนได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนดในช่วงเปิดเสนอขายครั้งแรก เนื่องจากมีผู้ลงทุนจองซื้อเข้ามาเต็มจำนวนมูลค่าโครงการรวมกว่า 5 พันล้านบาท

ดังนั้นจึงได้ออกกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องอีก เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 14 - 20 มิถุนายน 2559 กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดีบี (KEFF6MDB) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.85% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอเอช (KEFF3MAH) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.70% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

[caption id="attachment_62729" align="aligncenter" width="385"] ชวินดา หาญรัตกูล ชวินดา หาญรัตกูล[/caption]

นางชวินดา หาญรัตกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย2กองทุนตราสารหนี้ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ หรือต้องการพักเงินในระยะสั้น ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 99 ( KTFF99) เสนอขายในวันที่ 15 -21 มิถุนายน 2559 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท เงินฝากประจำ Bank of China ( Macau ) , China Construction Bank (Asia) Corp.Ltd , Agricultural Bank of CHINA , Union National Bank PJSC และ First Gulf Bank PJSC โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.40% ต่อปี

นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( โรลโอเวอร์ ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน 3 (KTSIV6M3) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2559 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนเงินฝาก ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วน 29.50% ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ของภาคเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 1.35% ต่อปี

สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศปรับตัวลดลงทุกช่วงตามแรงซื้อกลับจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤษภาคมของสหรัฐอเมริกาออกมาต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี ทำให้โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนลดลง ประกอบกับธนาคารกลางเกาหลีใต้ที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับเดียวกับไทยมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.25% ต่อปี ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มกลับมาคาดหวังว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงตาม ส่วนของนักลงทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นยอดซื้อสุทธิจำนวน 6 หมื่นล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,166 วันที่ 16 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559