ในหลวง พระราชินี ทรงเปิดอาคารที่ทำการศาล จ.พิษณุโลก เจ้าคุณพระสินีนาฏ โดยเสด็จ

12 มี.ค. 2564 | 13:10 น.

ในหลวง พระราชินี ทรงเปิดอาคารที่ทำการศาล จ.พิษณุโลก เจ้าคุณพระสินีนาฏ โดยเสด็จ

12 มีนาคม 2564 เวลา 18.28 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิษณุโลก ณ ที่ทำการศาลจังหวัดพิษณุโลก ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ในโอกาสนี้ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จในการนี้ด้วย เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก นายรณชัยจิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยคณะข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ

จากนั้น พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 กราบบังคมทูลเชิญเสด็จขึ้นแท่นรับการถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ

ต่อจากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพวงมาลัย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธชินราช เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพุ่มดอกไม้ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระรูปพระพี่นางสุพรรณกัลยา ทรงกราบ จากนั้น พระพุทธิวงศมุนี (บำรุง ฐานุตตโร) เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ถวายของที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

ต่อจากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ทำการศาลจังหวัดพิษณุโลก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิษณุโลก ณ ที่ทำการศาลจังหวัดพิษณุโลก ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง เสด็จเข้าพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตรทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายวิทยา วีรชัยพงษ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพิษณุโลก เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นางวันทนา อินทปัตย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดพิษณุโลก เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึกแด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

เสร็จแล้ว นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลรายงาน และขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิษณุโลก

ในหลวง พระราชินี ทรงเปิดอาคารที่ทำการศาล จ.พิษณุโลก เจ้าคุณพระสินีนาฏ โดยเสด็จ

จากนั้น เสด็จออกจากพลับพลาพิธีไปยังมณฑลพิธีวางศิลาฤกษ์ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นอิฐ ทอง นาก เงิน และแผ่นศิลาฤกษ์ แล้วทรงวางลงในเบ้า พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้าย “อาคารศาลจังหวัดพิษณุโลก” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์

ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ที่ด้านหน้าของอาคารศาลจังหวัดพิษณุโลก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณแก่ศาลจังหวัดพิษณุโลก เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก ตามลำดับ

จากนั้น นายเริงศักดิ์ วิริยะชัยวงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 6 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย นายวิทยา วีรชัยพงษ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพิษณุโลกเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแผ่นศิลาเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธย เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลง พระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึก เสร็จแล้ว จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานทหาร ดอนเมือง จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

ศาลจังหวัดพิษณุโลกเดิมมีชื่อว่า “ศาลมณฑลพิศณุโลก” สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2443 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อาคารที่ทำการเป็นอาคารไม้ทรงสี่เหลี่ยมชั้นเดียวยกพื้นสูง ซึ่งต่อมาในปีพุทธศักราช 2475 ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อจากศาลมณฑลพิศณุโลก เป็นศาลจังหวัดพิษณุโลก จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2555 ศาลจังหวัดพิษณุโลกได้จัดสร้างอาคารที่ทำการศาลหลังใหม่ เป็นอาคารสูง 4 ชั้น ขนาด 14 บัลลังก์ เพื่อรองรับการขยายงานและปริมาณคดีที่เพิ่มขึ้น โดยมุ่งเน้นถึงการเป็นหน่วยงานที่อำนวยความยุติธรรม เพื่อให้สังคมไทยมีความสงบสุข เป็นธรรม และเสมอภาค สืบสานตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์ให้ประเทศชาติมีความมั่นคง และประชาชนทุกหมู่เหล่ามีความสุขอย่างยั่งยืน

ซึ่งเปิดทำการตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2559 เป็นต้นมาศาลจังหวัดพิษณุโลก มีเขตอำนาจการพิจารณาพิพากษาคดี ในท้องที่จังหวัดพิษณุโลกรวม 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพิษณุโลก อำเภอชาติตระการ อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปรางอำเภอบางกระทุ่ม อำเภอบางระกำ อำเภอพรหมพิราม อำเภอวังทอง และอำเภอวัดโบสถ์ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิษณุโลกในครั้งนี้ มีราษฎรมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตลอดสองฝั่งถนนที่เสด็จพระราชดำเนินผ่านทุกคนพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง โบกธงพระปรมาภิไธย “วปร.” และธงพระนามาภิไธย “สท” พร้อมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ต่างปลื้มปีติที่ได้ชมพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯพระบรมราชินี ทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลให้แก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ

ขณะที่รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่านอย่างช้า ๆ ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กองแพทย์หลวงสำนักพระราชวัง ร่วมกับโรงพยาบาลและหน่วยสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ออกให้บริการด้านสาธารณสุขดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเจลแอลกอฮอล์กับพิมเสนน้ำ และให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ โดยมีรายการอาหาร อาทิ กระเพราหมู ไข่ต้ม ขนมปัง และน้ำดื่ม การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างหาที่สุดมิได้