“ศักดิ์สยาม” สั่งกพท.ศึกษาเกณฑ์คิดค่าโดยสารเครื่องบิน ยึดหลักสากล

11 มี.ค. 2564 | 12:48 น.

“ศักดิ์สยาม” สั่งการบ้าน กพท.ตรวจทางขึ้น-ลงสนามบินให้ถูกต้อง 100 แห่ง คาดแล้วเสร็จ 1 ปี เล็งศึกษาเกณฑ์คิดค่าโดยสารเครื่องบินในไทยราคาเท่ากัน ยึดหลักสากล ลุยจัดทำโมเดลตรวจสอบสถานะของบริษัทผู้ประกอบการสายการบิน หวังพร้อมในการให้บริการ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ว่า เบื้องต้นได้มอบหมายให้ กพท. เร่งรัดดำเนินงานที่ยังคงค้างประมาณ 179 เรื่องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะการตรวจสนามบินที่เดิมเป็นทางขึ้นลงชั่วคราวของเครื่องบินขนาดเล็กให้เป็นสนามบินส่วนบุคคล ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการตรวจให้ถูกต้องอีก 100 กว่าแห่ง สาเหตุล่าช้าเนื่องจาก กพท. มีข้อจำกัดด้านบุคลากร จึงสั่งการให้ไปพิจารณาจ้างบริษัทภายนอก (Outsource) ทดแทน ซึ่งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศได้อนุญาตให้สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ได้มอบให้ กพท. เร่งดำเนินการโดยต้องตรวจสนามบินให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายใน 1 ปี  รวมทั้งได้มอบให้ กพท. ไปศึกษาหลักเกณฑ์การคิดค่าโดยสารเครื่องบินในไทย และทั่วโลกว่าใช้หลักการใดในการคำนวณ เบื้องต้นเท่าที่ทราบหลักสากลที่ดำเนินการคือ ใช้ระยะทาง และน้ำหนัก เป็นตัวกำหนดอัตราค่าโดยสาร แต่สิ่งที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้กลับพบว่า สายการบินนำเรื่องเวลาการซื้อตั๋วโดยสารเข้ามาเป็นตัวกำหนดค่าโดยสารด้วย เช่น ใครซื้อตั๋วล่วงหน้าก่อนการเดินทาง 1 เดือน จะได้ราคาถูก ส่วนใครที่ซื้อตั๋วก่อนเดินทาง 1 วันจะมีราคาแพง ตนมองว่าการกำหนดราคาในลักษณะนี้ไม่ใช่หลักสากล ไม่เป็นเหตุเป็นผล(Make Sense) และไม่ตอบโจทย์ผู้รับบริการ

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า กพท. เป็นหน่วยงานกำกับสายการบินที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ในเมื่อหลักสากลมีการปฏิบัติกันอยู่แล้ว ก็ควรให้เป็นสากล อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ได้มอบให้ กพท. นำผลศึกษามารายงานที่ประชุม กบร. ในเดือน เม.ย.64 ซึ่งตนเข้าใจผู้ประกอบการสายการบินดีที่อาจจะใช้เวลาเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการคิดราคาด้วย แต่คงต้องมาดูเหตุผลว่าจะยอมรับกันได้หรือไม่ นอกจากนี้มอบให้ กพท. บริหารตารางเวลาการบิน (Slot) ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศด้วย หากสายการบินได้สลอตไปแล้วใช้ไม่เต็ม ต้องเอาสลอตคืนมาให้สายการบินอื่น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องเร่งทำ เพราะไตรมาสที่ 4 (ต.ค.-ธ.ค.64) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเรื่องการเดินทางทางอากาศจะกลับมาแล้ว

ขณะเดียวกันได้มอบให้ กพท. จัดทำตัวแบบ(Model) ในการตรวจสอบสถานะของบริษัทผู้ประกอบการสายการบิน เพื่อตรวจสอบว่ายังมีความพร้อมในการให้บริการ ไม่ล้มหายไป คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.นี้ จากนั้นจะนำมาประชุมร่วมกับสายการบินต่างๆ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการติดตามสถานะของแต่ละบริษัทฯ ซึ่งจะเป็นสร้างความแข็งแรงให้กับทั้ง กพท. และสายการบิน อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ กพท. ดูสถานะเพียงแค่งบดุลเป็นรายปีเท่านั้น แต่ขณะนี้บางประเทศต้องรายงานสถานะของบริษัทฯ ทุก 15 วัน และแบ่งเป็นกลุ่มเขียว เหลือง และแดง เช่น หากเหลือง กพท.ต้องเริ่มเข้ามาดูแล แต่หากเป็นแดง กพท.ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เป็นต้น

ทั้งนี้ที่ประชุมได้สั่งการให้ กพท. ประสานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อจัดให้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่บุคลากรทางการบิน ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ต้องสัมผัสและใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางทางอากาศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดทำการบินระหว่างประเทศ และเพื่อให้ประเทศไทยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจผ่านระบบการขนส่งทางอากาศได้