หมอธีระเบรกฉีดวัคซีนลดกักตัวเหลือ 3 วัน ระบุเงินที่ได้จิ๊บจ๊อยเมื่อเทียบกับหายนะ

24 ก.พ. 2564 | 11:35 น.

หมอธีระเบรกฉีดวัคซีนแล้วลดวันกักตัวเหลือ 3 วัน ระบุเงินที่ได้จิ๊บจ๊อยเมื่อเทียบกับหายนะที่อาจขึ้นจากการระบาดซ้ำ

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า 24 กุมภาพันธ์ 2564 "วัคซีน...จำนวนวันกักตัว...และหายนะที่อาจเกิดขึ้น"

หากวันใดวันหนึ่ง มีใครคิดที่จะเอาวัคซีนไปฉีดให้พนักงานในโรงแรมหรือสถานที่กักตัวต่างๆ เพื่อหวังจะสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมกับลดวันกักตัวในห้องพักจาก 14 วันเหลือแค่ 3 วัน แล้วให้ออกมา นอกห้องพักได้ หวังจูงใจให้คนมาเที่ยวกันเยอะๆ จะได้โกยเงินเข้าประเทศ ถ้าทำเช่นนั้น เงินที่ได้มาจะจิ๊บจ๊อยมากเมื่อเทียบกับหายนะที่อาจเกิดขึ้นจากการระบาดซ้ำ

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์

วิเคราะห์โดยเอาข้อมูลวิชาการมาดูกัน...

หนึ่ง "คุณสมบัติของวัคซีน"

รู้ไหมว่าวัคซีนที่มีอยู่นั้น สรรพคุณหลักคือ ป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ (symptomatic infection) โดยวัคซีนแต่ละชนิดก็มีสรรพคุณมากน้อยแตกต่างกันไป เช่น Pfizer 95%, Moderna 94.5%, Astrazeneca 62% (ฉีดด้วยขนาดปกติ), และ Sinovac 50-91% (ผลวิชาการอย่างเป็นทางการยังไม่มีรายงานออกมา)

นั่นแปลว่า ถึงได้รับวัคซีนไป ก็ยังสามารถติดเชื้อได้ และไม่ได้ป้องกันอาการได้ 100% แม้วัคซีนส่วนใหญ่จะป้องกันอาการรุนแรงได้ก็ตาม

              นอกจากนี้ มีข้อมูลน้อยมาก เกี่ยวกับสรรพคุณของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ (asymptomatic infection) เช่น Pfizer 75-89.4%, Moderna 67% ในขณะที่ Astrazeneca 2% (ขนาดปกติ) และ Sinovac ไม่มีข้อมูล

              นั่นแปลว่า ถึงได้รับวัคซีนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Astrazeneca และ Sinovac ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ และจะสามารถแพร่เชื้อไปให้คนอื่นได้ หากไม่ป้องกันตัวให้เคร่งครัด

              ถ้าเข้าใจทั้งหมดตามที่อธิบายมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า การได้วัคซีนที่จัดเตรียมมานั้น ไม่ได้เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว แต่หวังได้เพียงผลในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง หรือมีอาการเท่านั้น โดยหวังไม่ได้ 100% ด้วย ยังไม่สามารถหวังผลที่จะป้องกันการแพร่ระบาดวงกว้าง

สอง "ความเสี่ยงจากการลดวันกักตัว"

              ข้อมูลวิชาการชัดเจนว่า การกักตัว 14 วันอย่างเคร่งครัดนั้นสำคัญอย่างยิ่งต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของทุกคนในสังคม

              หากกักตัวน้อยกว่า 7 วัน โอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อหลุดมีสูงราว 25%

              หากกักตัวน้อยกว่า 10 วัน โอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อหลุดมีสูงราว 20%

              ในขณะที่ความคิดที่จะชงให้กัก 3 วันแล้วออกมานอกห้องได้นั้น โอกาสที่จะหลุดมีสูงเกือบ 80%

              อย่าลืมว่า ถึงฉีดวัคซีนแล้วก็มีโอกาสติดเชื้อได้อย่างที่อธิบายมาแล้วข้างต้น ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ได้ว่า จะเกิดอะไรตามมาหากปล่อยให้เกิดการดำเนินการดังกล่าว

              ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้คือ การติดเชื้อแพร่เชื้อในโรงแรม รวมถึงผู้อื่นที่มาติดต่อหรือใช้บริการ หากไม่มีการป้องกันอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ที่จะหนักกว่านั้นคือ การแพร่เชื้อจากพนักงานไปยังสมาชิกในครอบครัว และคนในพื้นที่ ซึ่งหากมีการขยายวงไปเรื่อยๆ จนคุมไม่ได้ พื้นที่ทั้งพื้นที่ก็จะกลายเป็นดงโรค หรือ endemic area ในที่สุด และจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอุตสาหกรรมในพื้นที่ระยะยาว

              อยากขอร้องให้คิดให้รอบคอบ ใช้ความรู้ที่ถูกต้อง เพราะหากตัดสินใจกระทำการใดๆ ไปแล้ว อาจย้อนกลับคืนมาไม่ได้อีกต่อไป

              คนในพื้นที่ควรรู้เท่าทัน ช่วยกันปกป้องถิ่นฐานบ้านเกิด และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่จะส่งผลระยะยาวต่อการดำรงชีวิตของตัวเองและลูกหลาน

              ด้วยรักและปรารถนาดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :