วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 17.30 น.ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร จัดกิจกรรมชุมนุม “นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน” โดยมวลชนพากันนำกระถางต้นไม้ของ กทม.จากฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ออกมาวางตามทางเท้า ริมถนน รอบอนุสาวรีย์
หลังรื้อต้นไม้เสร็จสิ้นก็จะนำผ้าสีแดงขนาดใหญ่ที่เขียนข้อความต่างๆ ไว้ ปีนขึ้นไปคลุมรอบฐานอนุสาวรีย์ต่อไป ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าการทำกิจกรรมครั้งนี้ ไม่มีการเข้าขัดขวางหรือสั่งห้ามจากทางตำรวจแต่อย่างใด
เวลา 19.00 น. กลุ่มราษฎรได้เดินทางจากอนุสาวรีย์ฯ ไปยังศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร โดยมีตำรวจชุดควบคุมฝูงชนกว่า 1 กองร้อย นำรถฉีดน้ำแรงดันสูง 2 คัน คอยตรึงกำลังอยู่หลังแนวรั้วลวดหนามกับแบริเออร์ หน้าพระบรมมหาราชวัง ขณะที่ตำรวจ สน.พระราชวัง ประกาศสั่งให้กลุ่มราษฎรยุติการชุมนุม
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 5.35น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ได้เดินถึงมาถึงสถานที่ชุมนุม พร้อมกล่าวว่า หากมีการสลายการชุมนุม ตอนนี้หมดเวลากลัว หมดเวลาถอย มีแต่จะสู้เท่านั้น วันนี้จะไม่มีคำสั่งถอยจากตนเด็ดขาด ใครพร้อมเป็นแนวหน้าก็เตรียมตัว
หากจะมีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำก่อน ไม่ให้เสียความชอบธรรมในการขับเคลื่อนประชาธิปไตย อย่าให้ฝ่ายราษฎรเริ่มก่อน ให้จองต้นไม้กัน แล้วจะขนมาวางบนทางเท้า ไม่ให้ปิดบังโบราณสถานที่สร้างโดยคณะราษฎร
นายภาณุพงศ์ กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมาย ตามมาตรา 112 ว่า เราเล็งเห็นแล้วว่าการบังคับใช้นั้นมีปัญหา ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ก็ขอให้ยกเลิกไป ซึ่งในต่างประเทศ หลายชาติไม่มีมาตรานี้อยู่ในระบบกฎหมาย
ขณะนี้ทางกลุ่มราษฎร เตรียมร่าง พ.ร.บ.ปฏิรูปสถาบันฯมีการทำแผน ที่เข้าสู่รัฐสภา โดยขอให้ติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร เพราะเรามีบิ๊กเซอร์ไพรซ์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งต้องจับตาท่าทีของทางตำรวจด้วย เพราะหากมีการใช้กำลังสลายการชุมนุมก็ต้องเคลื่อนมวลชนไปในสถานที่อื่น เบื้องต้นยังไม่กำหนดเวลายุติการชุมนุม