ปลดล็อกกัญชา รากหญ้าต้องได้ประโยชน์

09 ก.พ. 2564 | 23:30 น.

ปลดล็อกกัญชา รากหญ้าต้องได้ประโยชน์ : บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3652 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 11-13 ก.พ.2564

รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุขระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ประกาศให้ เส้นใย เปลือก กิ่ง ก้าน ราก และ ใบของกัญชา ที่ไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย ไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป แต่ต้องเป็นผลผลิตที่ได้จากต้นกัญชา ซึ่งได้รับอนุญาตปลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดมีผลประกาศราชกิจานุเบกษาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ประกาศดังกล่าวปลดล็อกส่วนต่างๆ ของกัญชา ออกจากยาเสพติดเกือบทั้งหมด เหลือเพียงดอกกับเมล็ดเท่านั้นที่ยังกำหนดให้เป็นยาเสพติด จากการที่มีสาร THC เกินกว่าร้อยละ 0.2 และยังผ่อนปรนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากส่วนต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการปลดปล่อยพืชกัญชาพ้นจากยาเสพติด จากที่ก่อนหน้านี้ผู้ได้รับอนุญาตปลูกกัญชาทางการแพทย์​ หลังตัดดอกทำยาแล้วส่วนที่เหลือต้องเผาทำลาย

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกมายืนยันประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้ปลูกกัญชา และได้ขอแก้ไขโครงการนำไปกัญชาไปใช้ประโยชน์ หากต้องการนำใบหรือส่วนต่างๆ ที่ไม่เป็นยาเสพติดไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่ายสามารถทำได้ แต่ต้องยื่นขอแก้ไขแผนการนำไปใช้ประโยชน์ที่ อย. โดยประชาชนทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนของกัญชาที่ไม่จัดเป็นยาเสพติดได้ แต่ต้องมาจากผู้ได้รับอนุญาตปลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย

อย่างไรก็ดี อย.ได้เปิดให้มีการลงทะเบียนจับคู่ ระหว่างผู้ที่สนใจใช้ประโยชน์จากส่วนของกัญชาที่ไม่เป็นยาเสพติดกับผู้ได้รับอนุญาตปลูก แต่การนำใบกัญชาไปประกอบอาหาร เพื่อรับประทานในครัวเรือนหรือจำหน่ายในร้านอาหารของตัวเองสามารถทำได้ แต่หากนำส่วนที่ไม่เป็นยาเสพติดไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อจำหน่าย จะต้องขออนุญาตภายใต้กฎหมายผลิตภัณฑ์สุขภาพด้วย โดยได้มีการอนุญาตเครื่องสำอางจากส่วนประกอบกัญชาไปแล้ว รวมทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพรใช้ภายนอก ยาหม่อง ยานํ้ามัน ยาครีม ที่มีส่วนประกอบของใบ ลำต้น กิ่งก้านและรากกัญชาได้แล้วและกำลังขยายผลใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ ในขั้นตอนการจัดทำกฎหมาย

เราเห็นว่าแม้มีการปลดล็อกกัญชาพ้นบัญชียาเสพติด โดยมีข้อกำหนดยกเว้นอยู่บ้าง แต่เพื่อให้พืชกัญชาหรือกัญชง เกิดประโยชน์กับเกษตรกรผู้ปลูก หรือผู้ต้องการเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูก รัฐบาลต้องวางนโยบายการส่งเสริมการเพาะปลูก การซื้อขายอย่างเป็นระบบ อันเนื่องมาจากเป็นพืชใหม่ที่ปลดล็อกการใช้ หลังจากไม่ได้รับการยอมรับหรืออยู่ใต้ดินมานาน การเซ็ตระบบตั้งแต่การเพาะปลูก การนำไปใช้ประโยชน์ การค้าขายในส่วนที่ดำเนินการได้ภายใต้ประกาศและกฎหมาย ต้องมีความชัดเจนและจริงจังมากกว่านี้ในระดับรัฐบาลในแง่นโยบายโดยภาพรวม เพื่อไม่ให้ตลาดและมูลค่าทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อยู่ในอุ้งมือของทุนใหญ่หรือระบบของการผูกขาดเหมือนกับพืชอื่นๆ หรือธุรกิจอื่นๆ เหมือนที่ผ่านๆ มา