นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำว่า กระทรวงการคลัง ยังมี เงินคงคลัง มั่นคง และยังไม่ล้มละลายตามที่มีการวิจารณ์ โดยฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศ มีสูงเกือบ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถใช้ชำระหนี้ระยะสั้นของประเทศได้ถึง 3 เท่า ขณะที่เงินสำรองในประเทศยังมีความมั่นคง โดยหนี้สาธารณะขณะนี้อยู่ที่ 50% ต่อจีดีพี แม้จะรวมเงินกู้ตาม พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ก็ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการคลังที่กำหนดให้สัดส่วนหนี้สาธารณะไม่เกิน 60% ของจีดีพี
ทั้งนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ยังได้ชี้แจงประเด็นข้อวิจารณ์ดังกล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันส่งสัญญาณดีขึ้น สะท้อนจากรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนธันวาคม 2563 ของ สศค.ชี้ว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นทั้งในด้านอุปสงค์จากต่างประเทศ และอุปสงค์ในประเทศ การส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ที่ 4.7%ต่อปี ประกอบกับเครื่องชี้การบริโภคในหมวดสินค้าคงทนและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ และทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ จากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุด สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วและจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยในช่วงปีงบประมาณ 2557 – 2563 การจัดเก็บรายได้รัฐบาลขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 2,074,660 ล้านบาท เป็น 2,391,570 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 2.1% ต่อปี (Compound Annual Growth Rate) ซึ่งมีเพียงปีงบประมาณ 2557 2560 และ 2563 ที่การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิลดลงจากปีก่อนหน้า
โดยในปีงบประมาณ 2563 รายได้รัฐบาลลดลง เนื่องจากผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย และการออกมาตรการทางภาษีเพื่อบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนและเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วน
นอกจากนี้สถานการณ์ทางการคลังประเทศไทยในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง และสามารถรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ และการดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป โดยระดับเงินคงคลังปลายงวด ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 อยู่ที่ 473,001 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าเงินคงคลังปลายงวด ณ สิ้นปีงบประมาณก่อนหน้าถึง 49.5%
นอกจากนี้ ในส่วนของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 8.1 ล้านล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เท่ากับ 52.1% ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการคลังที่กำหนดให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ไม่เกิน 60% และซึ่งหนี้ที่เกิดขึ้นเป็นการนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งผลให้เกิดการจ้างงานและช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"เราชนะ" สบน.เดินหน้ากู้จ่าย "เยียวยาโควิดรอบ2" ล็อตแรก 5 ก.พ.นี้
สบน.ยันเงินกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบ 7.8 แสนล้านเป็นไปตามกรอบกฎหมาย
อาคม ไฟเขียว "สบน." กู้เงินต่างประเทศ
พิษโควิด สบน.จ่อปรับเป้าหนี้สาธารณะใหม่
"คลัง" เตรียมปรับแผนหนี้สาธารณะปีงบ 64 ดึงเงินกู้พ.ร.ก.1 ล้านล้านสมทบสู้โควิด