วันนี้ 16 ธ.ค. 63 เวลา 13.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ครั้งที่ 2/2563 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
โดยภายหลังการประชุม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมได้ให้หลักการในการจัดทำงบประมาณในระยะปานกลาง ปี 2565-2568 โดยกำหนดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างการใช้จ่ายงบประมาณประเทศใหม่ ด้วยการตัดโครงการที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น รายจ่ายที่ไม่จำเป็นบางกิจกรรมที่ทำมาระยะหนึ่งแล้วไม่จำเป็นต้องใช้งบเพิ่มเติม
หรือโครงการที่ถูกบรรจุไว้ในงบประมาณประจำปีแล้วไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณส่วนเพิ่มเติมอีก รวมไปถึงโครงสร้างรายจ่ายประจำที่ยังสูงอยู่และจำเป็นต้องปรับปรุงต่อไปในอนาคต รวมทั้งการปฏิรูปโครงสร้างการจัดเก็บรายได้ และการสร้างความยั่งยืนทางการคลังด้วย
“การรีดไขมันจะดูอะไรที่เป็นรายจ่ายบริหารงบบางกิจกรรม บางโครงการที่ทำแล้วอยู่ตัวแล้วไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม ซึ่งบางงานกลายเป็นงานประจำไปแล้ว การใช้ทำโครงการอาจจะเป็นการริเริ่มโครง แต่จากนั้นก็เป็นงานประจำไปว่ามีอะไรบ้าง ก็จะต้องให้ 4 หน่วยงานไปดูก่อน”นายอาคม กล่าว
ส่วนการขับเคลื่อนงบประมาณจากนี้ยังคงยึดหลักภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังอยู่ตามเดิม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการได้มีการกำหนดกรอบวินัยการเงินการคลังเอาไว้ ประกอบด้วย
- สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไม่เกิน 60%
- สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ ไม่เกิน 35%
- สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด ไม่เกิน 10%
- สัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ ไม่เกิน 5%
ทั้งนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้ 4 หน่วยงานหลัก ทั้งสำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการพิจารณาข้อมูลทั้งหมด และในวันที่ 23 ธ.ค.นี้นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมร่วมกันของหน่วยงานเศรษฐกิจทั้ง 4 แห่งเพื่อกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 ต่อไป