ข้อพิจารณาและกลยุทธ์ที่สำคัญ เพื่อให้การส่งผ่านกิจการด้วยการขายเป็นไปอย่างราบรื่น รักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวและค่าความนิยม ตลอดจนป้องกันธุรกิจไม่ให้การดำเนินงานหยุดชะงักจากปัญหาระหว่างบุคคลได้ ในอันดับต่อไปคือ
2. ยอมรับมูลค่าของธุรกิจ ผู้ขายและผู้ซื้อต้องยอมรับการประเมินราคาและราคาขายของธุรกิจครอบครัว ซึ่งมูลค่าของธุรกิจจะแตกต่างกันอย่างไรนั้น โดยปกติแล้วผู้ประเมินราคาธุรกิจจะพิจารณาสิ่งต่อไปนี้
- มูลค่าทรัพย์สินของบริษัท
- อัตราส่วนราคาต่อกำไร (Price-Earnings Ratio : P/E)
- วิเคราะห์การคิดลดกระแสเงินสด (discounted cash flow analysis) โดยใช้การคำนวณมูลค่าสุทธิปัจจุบัน (net-present value : NPV)
- หนี้สินของบริษัท
มูลค่าอีกประการหนึ่งในปัจจุบันคือผลกระทบจากการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลกที่มีต่อความสามารถของธุรกิจในการดำเนินงานต่อไปตามเดิมหรือเปลี่ยนวิธีการและปรับเปลี่ยนเพื่อส่งมอบบริการหรือสินค้าที่ลูกค้าต้องการในขณะนี้ และปกป้องสุขภาพของพนักงาน ทั้งนี้ผู้ขายจะต้องพิจารณาด้วยว่าต้องการขายธุรกิจในระดับต่ำสุดของมูลค่าประเมินหรือสูงกว่านั้น ซึ่งการตัดสินใจนั้นควรขึ้นอยู่กับความต้องการเงินทุนของผู้ขายในวัยเกษียณ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
3. กำหนดเงื่อนไขการทำธุรกรรมเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ธุรกิจครอบครัวจะเปลี่ยนมือโดยไม่มีข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร แต่สิ่งนี้จะไม่ให้ประโยชน์แก่ใครเลย การมีข้อกำหนดของธุรกรรมด้านการเงินเป็นลายลักษณ์อักษรจะป้องกันความเข้าใจผิดและช่วยรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ นอกจากนี้ยังควรกำหนดข้อตกลง (ควบคู่กับเอกสารการวางแผนทรัพย์สิน) ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากผู้ขายเสียชีวิตก่อนที่ธุรกรรมจะเสร็จสมบูรณ์ ว่าผู้ซื้อจะได้รับมรดกหรือไม่ ผู้ซื้อต้องชำระเงินเช่นเดิม แต่ต้องชำระเงินให้กับคู่สมรสของผู้ขายหรือไม่ ทั้ซึ่งงหมดนี้สามารถตัดสินใจและลงนามล่วงหน้าได้
4. กำหนดบทบาทและความคาดหวังเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ขายยังอาจต้องการจัดโครงสร้างการวางมือ จากการเป็นผู้นำเมื่อเวลาผ่านไปและจัดเตรียมไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งล้วนมีความสำคัญ เนื่องจากความขัดแย้งอาจเกิดขึ้นในช่วงการถ่ายโอนกิจการและการมีแผนเป็นลายลักษณ์อักษรจะกำหนดว่าใครจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายและเมื่อใด
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,625 วันที่ 8 - 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563