KEY
POINTS
ฤดูกาลคริสต์มาส ซึ่งมักถูกขนานนามว่าเป็น “ช่วงเวลาที่วิเศษที่สุดของปี” ไม่ได้มีความหมายเพียงในเชิงวัฒนธรรมและการเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่ยังมีนัยทางเศรษฐกิจและการเงิน สำหรับผู้บริโภค ผู้ค้าปลีก ผู้ค้า และนักลงทุน ช่วงวันหยุดปลายปีถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของปฏิทินประจำปี สร้างกิจกรรมทางตลาดจำนวนมหาศาลในหลายภาคส่วน และส่งอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินทั่วโลก
คริสต์มาส มีสัดส่วนกิจกรรมทางเศรษฐกิจรายปีที่สูงเกินกว่าช่วงเวลาอื่นอย่างต่อเนื่อง ในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation) รายงานว่า ฤดูกาลวันหยุดปี 2024 สร้างยอดขายค้าปลีกราว 973 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นเกือบ 19% ของยอดขายค้าปลีกทั้งปี ขณะที่สหราชอาณาจักรมีการใช้จ่ายในช่วงคริสต์มาสมากกว่า 91 พันล้านปอนด์ สะท้อนความสำคัญทางเศรษฐกิจของเทศกาลนี้ในวงกว้าง
ข้อมูลจาก Plus500 ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทฟินเทคระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจด้านสินทรัพย์หลากหลายประเภท ระบุว่า อำนาจของค้าปลีก คริสต์มาสสร้างรายได้ 19-30% ของรายได้ค้าปลีกรายปีในประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยยอดขายช่วงวันหยุดในสหรัฐปี 2024 อยู่ที่ 973 พันล้านดอลลาร์
คาดการณ์การใช้จ่ายผู้บริโภค แม้เผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ผู้บริโภคยังวางแผนใช้จ่ายเฉลี่ย 1,007 ดอลลาร์ต่อคนในปี 2025 แต่คาดว่าอาจลดลง 5-10% จากปี 2024
การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ยอดขายออนไลน์ช่วงวันหยุดปี 2024 อยู่ที่ 241.4 พันล้านดอลลาร์ เติบโต 8.7% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยการซื้อผ่านมือถือทำสถิติสูงสุด
การจ้างงานพุ่งชั่วคราว ภาคค้าปลีกมักเพิ่มตำแหน่งงานชั่วคราว 400,000-500,000 ตำแหน่ง แต่การจ้างงานปี 2025 คาดว่าจะต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009
ฤดูกาลของตลาดหุ้น ไตรมาสที่ 4 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6.1% เมื่อดัชนีเริ่มต้นในแดนบวก และ “Santa Claus rally” ให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 79% ของปีนับตั้งแต่ 1950
การเตรียมซัพพลายเชน โลจิสติกส์เริ่มเตรียมรับฤดูกาลพีกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม–สิงหาคม ความต้องการพุ่งต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม ซึ่งเรียกว่า January Effect
January Effect ตลาดหุ้นปรับขึ้นในเดือนมกราคม 62% ของช่วงเวลานับตั้งแต่ปี 1950 โดยหุ้นขนาดเล็กให้ผลตอบแทนโดดเด่นเฉลี่ย 4.37% ในช่วงก่อนปี 1993
ภาคส่วนที่ควรจับตา ค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว บริการ และตลาดการเงิน
คริสต์มาสถือเป็นช่วงเวลาที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจหนาแน่นที่สุดในประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ ปรากฏการณ์นี้ซึ่งบางครั้งเรียกว่า “เศรษฐกิจคริสต์มาส” ครอบคลุมยอดขายค้าปลีก รูปแบบการจ้างงาน โลจิสติกส์ซัพพลายเชน พฤติกรรมตลาดการเงิน และตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคที่ร่วมกันกำหนดผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4
ลักษณะเด่นของเศรษฐกิจในช่วงคริสต์มาสประกอบด้วยหลายประเด็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การกระจุกตัวของการใช้จ่ายผู้บริโภคสร้างฤดูกาลที่ชัดเจนในข้อมูลค้าปลีก โดยเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมมียอดขายสูงสุดของปีอย่างต่อเนื่อง สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักรระบุว่า ยอดขายค้าปลีกในช่วงคริสต์มาสมักเพิ่มขึ้น 15-25% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรายเดือนของช่วงอื่น
คริสต์มาสสร้างผลกระทบต่อการจ้างงานอย่างมีนัยสำคัญ ภาคค้าปลีกเพียงภาคเดียวสร้างตำแหน่งงานชั่วคราวหลายแสนตำแหน่งเพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ในปี 2023 ผู้ค้าปลีกสหรัฐจ้างแรงงานตามฤดูกาลราว 543,000 คน แต่คาดการณ์ปี 2025 อาจลดลงต่ำกว่า 500,000 คน ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009
คริสต์มาสมีอิทธิพลต่อการเติบโตของ GDP อย่างชัดเจน การใช้จ่ายผู้บริโภคในไตรมาสที่ 4 มักช่วยหนุน GDP รายไตรมาส โดยการบริโภคคิดเป็นราว 68% ของ GDP สหรัฐ และ 60% ของ GDP สหราชอาณาจักร ซึ่งมักแตะระดับสูงสุดของปีในช่วงเทศกาล
ตลาดการเงินแสดงรูปแบบตามฤดูกาลรอบคริสต์มาส โดยเฉพาะปรากฏการณ์ “Santa Claus rally” ซึ่งราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับขึ้นในช่วงวันทำการสุดท้ายของเดือนธันวาคมต่อเนื่องถึงต้นเดือนมกราคม เกิดขึ้นประมาณ 76-79% ของปีนับตั้งแต่ 1950 และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 1.3%
เเละสุดท้าย คริสต์มาสสะท้อนการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างสู่ดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ยอดขายออนไลน์ในสหรัฐช่วงวันหยุดปี 2024 อยู่ที่ 241.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.7% เมื่อเทียบปีต่อปี
ผลกระทบทางเศรษฐกิจของคริสต์มาสในเชิงประวัติศาสตร์
ข้อมูลในอดีตแสดงรูปแบบที่สม่ำเสมอของกิจกรรมเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยคริสต์มาส ซึ่งช่วยอธิบายบริบทของฤดูกาลปี 2025 ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ยอดขายค้าปลีกที่พุ่งสูงในฤดูกาลวันหยุด
ข้อมูลยอดขายค้าปลีกแสดงให้เห็นความต่อเนื่องของการใช้จ่ายในช่วงคริสต์มาส ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เดือนพฤศจิกายนและธันวาคมคิดเป็น 18-22% ของยอดขายค้าปลีกทั้งปีในประเทศเศรษฐกิจหลัก แม้คิดเป็นเพียง 16.7% ของจำนวนวันทั้งปี
ข้อมูลสหรัฐในอดีตระบุว่า
แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมราว 4.5% ต่อปีในช่วง 2019-2024 สูงกว่าการเติบโตของภาคค้าปลีกโดยรวม และยืนยันความสำคัญทางเศรษฐกิจของการใช้จ่ายช่วงคริสต์มาส
สหราชอาณาจักรมีรูปแบบใกล้เคียงกัน โดยสมาคมค้าปลีกอังกฤษระบุว่า สัปดาห์การค้าช่วงคริสต์มาสมียอดขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์ของทั้งปีถึง 40-60% และในปี 2024 ผู้บริโภคอังกฤษใช้จ่ายราว 91 พันล้านปอนด์ในช่วงเทศกาล
ข้อมูลการจ้างงานในอดีตแสดงรูปแบบตามฤดูกาลที่คาดการณ์ได้ สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐรายงานว่า การจ้างงานภาคค้าปลีกมักเพิ่มขึ้น 400,000–600,000 ตำแหน่งระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม หรือคิดเป็น 2.5–3.5% ของกำลังแรงงานในภาคนี้
อย่างไรก็ดี ปี 2025 ถือเป็นกรณีพิเศษ Challenger, Gray & Christmas คาดว่า การจ้างงานตามฤดูกาลจะลดลงเหลือราว 500,000 ตำแหน่ง ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 สะท้อนการปรับสมดุลตลาดแรงงานหลังโควิด การใช้ระบบอัตโนมัติในค้าปลีกและโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น และท่าทีระมัดระวังของผู้ค้าปลีกท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นอกจากค้าปลีก ภาคบริการและการท่องเที่ยวมักเพิ่มตำแหน่งงาน 150,000–200,000 ตำแหน่ง ขณะที่โลจิสติกส์และบริการจัดส่งเพิ่มอีก 100,000–150,000 ตำแหน่งเพื่อรองรับปริมาณพัสดุที่สูงขึ้น
ภาคส่วนหลักที่ได้รับผลกระทบจากคริสต์มาส 2025
คริสต์มาสส่งอิทธิพลต่อแต่ละภาคเศรษฐกิจแตกต่างกัน การเข้าใจพลวัตเฉพาะภาคส่วนช่วยชี้ว่าภาคใดและเครื่องมือทางการเงินใดควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
ค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ
ค้าปลีกเป็นภาคที่ได้รับผลกระทบชัดเจนที่สุด ร้านค้าดั้งเดิม ห้างสรรพสินค้า ร้านของเล่น อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องแต่งกาย ต่างพึ่งพายอดขายช่วงคริสต์มาสอย่างมาก สำหรับผู้ค้าปลีกจำนวนมาก ยอดขายช่วงนี้คิดเป็น 25-40% ของรายได้ทั้งปี และสัดส่วนกำไรที่สูงกว่านั้น
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูล Adobe Analytics ระบุว่า ยอดขายออนไลน์ช่วงวันหยุดในสหรัฐปี 2024 อยู่ที่ 241.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.7% โดยธุรกรรมผ่านมือถือคิดเป็น 55-60% ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด และถูกขนานนามว่าเป็น “ฤดูกาลช็อปปิงผ่านมือถือมากที่สุดในประวัติศาสตร์”