หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 5 พฤศจิกายน 2563
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดกว่าร้อยละ 1 หลังธนาคารกลางอังกฤษและสหภาพยุโรปปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจลง เป็นหดตัวกว่าร้อยละ 11 ในอังกฤษ และเศรษฐกิจในยุโรปจะฟื้นตัวในปี 2566 นอกจากนั้น การประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมในยุโรป คาดว่าจะกดดันอุปสงค์การใช้น้ำมันให้ปรับตัวลดลงราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
+/- ตลาดยังคงจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ เคลือบแคลงใจความโปร่งใสในการนับคะแนนการเลือกตั้งในหลายรัฐ และทำการยื่นฟ้องเพื่อให้มีการนับคะแนนใหม่ หลังนายโจ ไบเดน ใกล้ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง
+ กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร มีแนวโน้มที่จะรักษาการปรับลดกำลังการผลิตในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากอุปสงค์การใช้น้ำมันดิบทั่วโลกถูกกดดันจากการประกาศมาตรการปิดเมืองรอบใหม่ในหลายภูมิภาค หลังกลุ่มผู้ผลิตจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ม.ค. 64 จากการประชุมครั้งก่อน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ในอินเดียฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 227.7 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังประเทศญี่ปุ่นยังคงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดีเซลกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ท่ามกลางอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังอ่อนแอ
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในยุโรป จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 38.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 40.93 ดอลลาร์/บาร์เรล