สธ.ขยายผลการตรวจโควิด 19 เชิงรุกจังหวัดตากกว่าหมื่นราย

19 ต.ค. 2563 | 22:00 น.

กระทรวงสาธารณสุข เตรียมขยายผลการตรวจโควิด 19 เชิงรุกที่แม่สอด และอีก 4 อำเภอในจังหวัดตาก ด้านแพทย์ยืนยันยังไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์

นพ.รเมศ ว่องวิไลรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตาก (ด้านเวชกรรมป้องกัน) เปิดเผยถึงการควบคุมป้องกันโรคโควิด19 จังหวัดตาก ว่า ขณะนี้ผู้ป่วยโรคโควิด 19 ชาวเมียนมาที่เป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกันจำนวน 5 คน ยังคงรักษาตัวอยู่ในห้องแยกโรคของโรงพยาบาลแม่สอด โดยทั้งหมดไม่มีอาการ อยู่ในการดูแลของแพทย์และพยาบาล 

 

ขณะที่ผู้สัมผัสใกล้ชิดต่างๆ เช่น ผู้ที่ร่วมละหมาดที่อยู่ติดกันจำนวน 4 ราย ผลการตรวจเชื้อเป็นลบ ผู้ร่วมละหมาดที่เหลือถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ ได้ให้กักตัวเองที่บ้านเพื่อเฝ้าระวังอาการ 

 

สำหรับการตรวจเชิงรุกในพื้นที่ขณะนี้ตรวจไปแล้ว 4 พันกว่าคนให้ผลเป็นลบ โดยภายในสัปดาห์นี้จะมีการตรวจเชิงรุกเพิ่มในพื้นที่เสี่ยงที่เหลืออยู่อีก 6-7 จุด รวมประมาณ 5 พันคน เช่น ห้างสรรพสินค้าต่างๆ เป็นต้น โดยรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน และขยายการตรวจเพิ่มออกไปยังกลุ่มเสี่ยง เช่น ตำรวจตระเวนชายแดน ในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดตาก อีก 3-4 พันคน ได้แก่ อำเภออุ้มผาง พบพระ แม่ระมาด และท่าสองยาง 

ด้านนายแพทย์ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันควบคุมโรคที่ 2 พิษณุโลก กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2563 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ให้รถขนส่งสินค้าจากเมียนมาส่งสินค้าในจุด Safety Zone เท่านั้น โดยให้เข้ามาคันละ 1 คน และมีรถขนส่งสินค้าของไทยมารับช่วงถ่ายสินค้า มีพนักงานขนส่งสินค้าคนไทย 2-3 คนดำเนินการ เมื่อขนเสร็จก็ให้ขับกลับออกไป ทั้งหมดอยู่ภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 ชั่วโมงตามที่กำหนด โดยระหว่างนั้นจะมีการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อด้วย

 

 ขณะที่รถขนส่งสินค้าของไทยที่ข้ามไปยังฝั่งเมียนมาก็จะทำแบบเดียวกัน เมื่อกลับเข้ามาจะได้รับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งวันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตรวจคัดกรองเจอพนักงานขับรถขนส่งสินค้าชาวเมียนมาติดโควิด 19 อีก 1 ราย ได้กลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลฝั่งเมียนมาแล้ว  
ส่วนพนักงานคนไทยที่มาต่อรถส่งสินค้าด้วยนั้นได้ดำเนินการตรวจแล้วให้ผลเป็นลบ โดยให้กักตัวเองที่บ้านจนครบกำหนด แต่ปัจจุบันผู้ว่าราชการจังหวัดตากได้ให้ทำการปิดด่านตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม โดยปิดเป็นระยะเวลา 7 วัน โดยจะเปิดด่านอีกครั้งวันที่ 26 ตุลาคมนี้
 

นายแพทย์ศรายุธกล่าวต่อว่า การปิดด่านไม่ใช่เพื่อลดโรคโควิด 19 แต่เพื่อปรับปรุงระบบของจุด Safety Zone เนื่องจากพบว่ายังมีบางจุดที่ต้องพัฒนา เช่น เรื่องของการสวมหน้ากากอนามัย ยังพบคนขับรถบางส่วนไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย 100 %  ขณะที่ปริมาณรถมีจำนวนมาก 600-700 คันต่อวัน พนักงานควบคุมมีไม่เพียงพอ


 อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพื้นที่อำเภอแม่สอดไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า สามารถดำเนินการกิจการได้ทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจ สามารถเปิดช่องได้เล็กน้อย ถ้าหากปิด การขนส่งสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมัน แก๊ส เป็นต้น ก็จะชะงักทั้งหมด