วันที่ 12 ตุลาคม 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)
โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งมาทำงานในตำแหน่งรมว.คลังเป็นวันแรก หลังเข้าถวายสัตย์ปฏญาณตนเมื่อวานนี้ รวมทั้งมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทวงการคลัง มายืนขนาบข้างในการแถลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คำต่อคำ "นายกฯ" เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ "สุพัฒนพงษ์-อาคม-สันติ"
เปิดใจ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” เชื่อมือ “บิ๊กตู่” นำทีมเศรษฐกิจ
ภารกิจสุดหิน ‘อาคม เติมพิทยาไพสิฐ’ ที่ต้องเผชิญ
ประวัติ "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รมว.คลัง ผู้ใจถึง เข้มแข็ง ในปฐพี
รู้จัก "สันติ พร้อมพัฒน์" บุรุษ "ผู้พร้อมมาก"
โดยในการแถลง นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงนายอาคมว่า "วันนี้มีนายอาคมมาเติมเต็ม หลายท่านที่มีความห่วงกังวลในเรื่องของการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่นายกรัฐมนตรีนำเรียนสื่อมวลชนไปแล้ว วันนี้ปลอดความกังวลในเรื่องนี้ไปได้เลย การดำเนินการตามมาตรการอย่างนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นไปตามเป้าหมาย"
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า และไม่ใช่เพียงแค่ 3 คนที่เกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจเท่านั้น โดยนายกฯได้กำชับในที่ประชุมครม.ให้ช่วยกันสนับสนุนมาตราต่างๆในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและให้มีประโยชน์เต็มที่ในทุกกลุ่ม
ไม่ว่าจะเป็นมาตรการคนละครึ่งที่จะต้องมีการกระจายไปให้ทั่วภูมิภาคประเทศไทย ในโครงการช้อปดีมีคืน ที่สามารถคำค่าใช้จ่ายไปลดภาษีได้ ก็ขอให้กระจายตัวให้ทั่วถึงเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ฉะนั้น สื่อมวลชนก็จะเห็นภาพที่จะเชื่อมโยงและต่อเนื่องกันไปในไตรมาส 4 นี้ โดยเม็ดเงินที่จะเข้าสู่เศรษฐกิจประมาณ 2 แสนล้านบาท เป็นงบประมาณของรัฐ 6 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนที่เหลือก็เป็นเหลือจะเป็นในส่วนของรวมไทยสร้างชาติ ประชาชนคนไทยทุกคนมีส่วนร่วมกับรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นำประเทศไทยให้กลับมาแข็งแรงมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในปีนี้
"วันนี้มาครบทั้งผม นายอาคม และนายสันติ เราจะมาช่วยกัน ส่วนของผมนอกจากดูเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วก็ต้องดูเรื่องการเจริญเติบโตอื่นๆในเรื่องของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย ซึ่งรมว.คลังจะมาเสริมผมในเรื่องของการหามาตรการดีๆเข้ามาเสริมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ มาตรการต่างๆที่จะมาช่วยกัน และกำลังสำคัญคือศบศ."
ในส่วนของรมช.คลัง จะมาสนับสนุนรมว.คลังในการช่วยกันดูแลเสถียรภาพความมั่นคงทางด้านการคลังของประเทศ เรามีวินัยการคลังที่จะต้องดูแลให้ดีที่สุด เพื่อวันที่โควิด-19 จบสิ้นหรือการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีแล้ว ประเทศไทยจะมีความเข้มแข็งและแข็งแกร่ง ทางการเงิน ที่จะเดินหน้าเติบโตต่อไปได้ นั้นคือวิถีของการทำงานตามนโยบายของนายกฯที่กล่าวถึง รวมไทยสร้างชาติ