6 วันร้านค้าแห่ลงทะเบียน “คนละครึ่ง” ทะลุ 2 แสนร้าน

08 ต.ค. 2563 | 03:23 น.

www.คนละครึ่ง.com โฆษกรัฐบาล เผย ร้านค้าลงทะเบียนร่วมในโครงการคนละครึ่ง แล้วกว่า 200,000 ร้าน ในช่วง 1-6 ต.ค. 63

8 ตุลาคม 2563 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กระทรวงการคลัง ได้รายงานความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งว่า ตั้งแต่ที่ได้เริ่มให้ร้านค้าเริ่มลงทะเบียนได้ในวันที่ 1 ต.ค. 63 เป็นต้นมานั้น ล่าสุด ณ วันที่ 6 ต.ค. 63 มีร้านค้าลงทะเบียนทั้งหมดแล้ว 210,010 ร้าน แบ่งเป็น ร้านค้าที่ลงทะเบียนที่สำเร็จแล้ว 152,795 ร้าน โดยส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างการตรวจสอบ

 

กิจการที่ลงทะเบียนสำเร็จ แบ่งออก เป็นกิจการที่มีหน้าร้านจำนวน 127,852 ร้าน และหาบเร่ แผงลอย จำนวน 24,943ร้าน ประเภทของร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 90,052ร้าน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

มาตรการ "ช้อปดีมีคืน"ลดหย่อนภาษีได้ 3 หมื่นบาท

โครงการ "คนละครึ่ง"เช็กอัพเดทล่าสุดได้ที่นี่ 

ศบศ.ขยายเวลา "เราเที่ยวด้วยกัน"ยาวถึงปี 64 

www.คนละครึ่ง.com เปิดคู่มือลงทะเบียนรับสิทธิ์อย่างละเอียด 

 

ส่วนร้านธงฟ้ามีจำนวน 41,331ร้าน ร้าน OTOP มีจำนวน 4,991ร้าน และเป็นร้านค้าทั่วไป จำนวน 16,421 ร้าน

หากดูตามภูมิภาค ร้านค้าส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง จำนวน 73,092ร้าน คิดเป็นร้อยละ 34.8 รองลงมาอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 73,092 ร้าน คิดเป็นร้อยละ 25.0 และภาคใต้ จำนวน 37,229ร้าน คิดเป็นร้อยละ 17.7 โดยในรายจังหวัดนั้น พบว่า ร้านค้าที่ลงทะเบียนส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 25,526 ร้าน คิดเป็นร้อยละ 12.2 รองลงมาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 7,105 ร้าน คิดเป็นร้อยละ 3.4 และจังหวัดสงขลา จำนวน 6,516 ร้าน คิดเป็นร้อยละ 3.1

 

ทั้งนี้ นายอนุชา กล่าวว่า ร้านค้ารายย่อย  หาบเร่ แผงลอย สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.คนละครึ่ง.com หรือติดต่อที่ธนาคารกรุงไทยได้ทุกสาขา ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ www.คนละครึ่ง.com เช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 63 เป็นต้นไป และรอรับ SMS ยืนยัน โดยจะเริ่มใช้สิทธิใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. 63 เป็นต้นไป จนถึง 31 ธ.ค. 63 และหากไม่ใช้สิทธิ์ภายใน 14 วัน จะถูกตัดสิทธิ์ทันที

 

โดยโครงการคนละครึ่งนี้ รัฐบาลจะช่วยจ่าย 50% แต่ไม่เกิน 150บาทต่อวันต่อคน รวมไม่เกิน 3,000บาทต่อคน ตลอดโครงการ สำหรับประชาชนคนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป และไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้สามารถนำไปใช้จ่ายซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป โดยไม่รวมถึงสลากกินแบ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และบริการต่างๆ