รายงานข่าวระบุว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน “สุพัฒนพงษ์” ประเดิมงานแรกด้วยการร่วมประชุมเวิร์คช็อปเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “พลังงานร่วมใจ รวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้แนวทาง รวมไทยสร้างชาติ โดยเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาคเศรษฐกิจที่แข็งแรง เช่น ภาคพลังงานที่จะสามารถเป็นตัวหลักดึงเศรษฐกิจที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมบนฐานความเข้าใจเข้าถึงประชาชน ซึ่งอาศัยการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวของทุกภาคส่วน
นายสุพัฒนพงษ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัส “โควิด-19” (Covid-19) ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระดับโลกและประเทศไทย ซึ่งรวมถึงภาคพลังงานด้วย วิกฤตครั้งนี้จะยังไม่หายไปได้ในเร็ววัน แต่อาจจะมีวันสิ้นสุดใน 12-15 เดือนข้างหน้า สิ่งที่ภาครัฐรวมถึงกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการแล้วในช่วงที่ผ่านมาเป็นการบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้า เป็นมาตรการช่วยด้านรายได้ และลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะยังคงมีการดำเนินมาตรการลักษณะนี้โดยปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
ขณะเดียวกันก็จะต้องดำเนินมาตรการการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยกลับคืนมาโดยเร็วและเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงโดยทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงต้องมีการร่วมกันวางแผนขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น กระทรวงพลังงานจึงได้จัดการประชุมเวิร์คช็อปขึ้นเพื่อรวมพลังในการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในสาขาพลังงาน ในการกำหนดทิศทางและวางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้พลิกฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้บริหารและกลุ่มคนรุ่นใหม่จากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจและองค์กรอิระในสังกัดกระทรวงพลังงาน รวมถึงผู้บริหารจากภาคเอกชนและผู้ประกอบการด้านกิจการพลังงาน เพื่อสื่อสารถึงจุดมุ่งหมายและรายละเอียดในการจัดทำแผนเพื่อร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้เข้าร่วมประชุมรับทราบ และกลับมานำเสนอแนวคิดและแผนงานในการประชุมครั้งต่อ ๆ ไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยจากผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ “สศช.” การถ่ายทอดข้อมูลสถานการณ์ผลกระทบจากโควิด-19 และตัวอย่างการพัฒนาความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในการร่วมจัดการกับวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิดโดยมีการนำเสนอมุมมองคนรุ่นใหม่กับไอเดียช่วยเหลือประเทศชาติในยุคโควิดอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ในส่วนของการดำเนินนโยบายด้านพลังงานนั้น จะเน้นนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างงานสร้างรายได้ รวมถึงวางรากฐาน เพื่ออนาคตด้านพลังงานของประเทศ โดยจะเน้นการลงมือทำให้สำเร็จ (Execution) ซึ่งได้มอบให้ผู้บริหารทำแผนระยะ 5 ปี ที่กำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน เพื่อให้ติดตามได้อย่างใกล้ชิด สำหรับโครงการที่ต่อเนื่องจะยังคงเดินหน้าต่อไป ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ให้มีรูปแบบการดำเนินโครงการที่สร้างความมั่นใจได้ว่าเกษตรกรหรือชุมชนได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง มีความยั่งยืน
รวมทั้งการส่งเสริมน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพไม่ว่าจะเป็นแก๊สโซฮอล์ E20 หรือ B10 ก็ต้องช่วยให้เกษตรกรได้รับผลประโยชน์ และมีมาตรการป้องปรามการลักลอบการนำเข้าน้ำมันปาล์มที่จะใช้ในภาคพลังงานได้อย่างรัดกุม รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยใช้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นกลไกขับเคลื่อนก็ยังเดินหน้าต่อไป โดยเน้นหนักให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้กับประชาชน