“NEA” ระดมทูตพาณิชย์ยุโรป - อาเซียนติวเข้มผู้ประกอบการส่งออก

19 ส.ค. 2563 | 08:35 น.

“DITP” โดย “NEA” ระดมทูตพาณิชย์จากยุโรปและอาเซียนกว่า 40 ราย ถ่ายทอดข้อมูลเชิงลึกด้านการค้าระหว่างประเทศ แนะนำเทคนิคการทำการค้าในประเทศต่าง ๆ แบบตัวต่อตัวผ่านระบบออนไลน์ ต่อยอดการทำการตลาดหลังช่วงคลายล็อกดาวน์ปลายปี 2563

นายสมเด็จ  สุสมบูรณ์  อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่ากล่าวว่า กรมฯ และสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA (เอ็นอีเอ) เล็งเห็นถึงความสำคัญในการปรับตัวและพัฒนาองค์ความรู้แนวใหม่ให้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ “เอสเอ็มอี” (SMEs) ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดการค้าระหว่างประเทศ จึงได้กำหนดจัดกิจกรรมให้คำปรึกษาแบบตัวต่อต่อ ระหว่างทูตพาณิชย์จากแต่ละภูมิภาคทั่วโลกกับผู้ประกอบการไทย ที่มีความสนใจและมองเห็นโอกาสการค้าระหว่างประเทศ

                ทั้งนี้ การดำเนินการภายใต้โครงการเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ หรือ Export Clinic โดยกรมฯ และสถาบัน NEA ได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่อยู่ในแต่ละประเทศโดยตรง เพื่อให้ผู้ประกอบการและองค์กรธุรกิจรับทราบถึงสถานการณ์ แนวโน้มและโอกาสของสินค้าไทยในแต่ละประเทศ

                สำหรับโครงการดังกล่าวได้จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” (Covid-19) พร้อมเชิญทูตพาณิชย์ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคยุโรป และภูมิภาคอาเซียน จำนวนกว่า 40 รายที่มีองค์ความรู้ และข้อมูลเชิงลึกมาถ่ายทอดเทคนิคการทำการค้าในแต่ละประเทศ แบบตัวต่อตัว มีการให้ความรู้ด้านต่าง ๆ อาทิ การทำการตลาดหลังช่วงคลายล็อกดาวน์ กฎระเบียบที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรู้ การแนะนำการหาคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ฯลฯ

“NEA” ระดมทูตพาณิชย์ยุโรป - อาเซียนติวเข้มผู้ประกอบการส่งออก

                “โครงการเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ หรือ Export Clinic จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกเข้าใจถึงความเป็นไปของบริบทการค้าโลก การแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดข้อจำกัดทางธุรกิจ และช่วยให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจในการเดินหน้าธุรกิจมากขึ้น โดยโครงการฯ ยังจะช่วยติดตามและประเมินสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมนำเสนอแผนรองรับที่เหมาะกับแต่ละธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้องค์กร หรือผู้ประกอบการมีแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุม นอกเหนือจากนี้ สิ่งสำคัญที่กรมฯ และทูตการค้าระหว่างประเทศต้องการ จะมุ่งเน้นกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้ก็คือ การเตรียมตัวเพื่อรับการแข่งขันระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน ที่จะไปทำการค้าในตลาดยุโรป การส่งออกของไทยไปยุโรปและอาเซียน รวมถึงการยกระดับให้สินค้าส่งออกไทยมีความเหนือชั้นกว่าคู่แข่งเพื่อป้องกันการเสียดุลทางการค้า”

นางอารดา เฟื่องทอง ผู้อำนวยการ NEA กล่าวว่า การจัดโครงการเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ หรือ Export Clinic ช่วงที่จัดกิจกรรมในระยะแรกคือเดือนมิถุนายน 2563 สถาบันฯ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดโครงการจากเดิมที่เป็นรูปแบบห้องเรียน (Offline)  เปลี่ยนเป็นรูปแบบออนไลน์ (Online) ผ่านโปรแกรม ZOOM ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการให้คำปรึกษาผ่านระบบดังกล่าว โดยกิจกรรมได้รับความร่วมมือจากผู้อำนวยการจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 18 สำนักงาน จาก 3 ภูมิภาค ได้แก่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ภูมิภาคจีน และภูมิภาคเอเชียใต้มาเป็นผู้ให้คำปรึกษา

                นอกจากนี้ ยังได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการในระดับที่น่าพอใจ แบ่งเป็นภูมิภาคตะวันออกกลาง จำนวน 130 ธุรกิจ ภูมิภาคจีน จำนวน 270 ธุรกิจ และภูมิภาคเอเชียใต้ จำนวน 120 ธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังให้ความเห็นว่าโครงการฯ ช่วยให้ได้รับความรู้ด้านข้อมูลตลาดมากขึ้น รวมทั้งแนวทางการฟื้นฟูและเดินหน้าธุรกิจที่สามารถนำไปใช้ได้ในอนาคต ช่วงปลายปี 2563

                อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ มีความรุนแรงและพัฒนารูปแบบการแข่งขันที่แตกต่างจากในอดีตเป็นอย่างมาก ดังนั้นการพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด จึงจำเป็นต้องอาศัยความรู้และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะต้องบูรณาการร่วมกันเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยง ต่อยอด และผลักดันการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

                “ที่ผ่านมา NEA ได้มุ่งมั่นผลักดันให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสเสริมสร้างศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กิจกรรมการเผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกทั้งการสัมมนา การฝึกอบรม การให้คำปรึกษา เพื่อกระจายโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงองค์ความรู้อย่างทั่วถึงทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยสนับสนุนให้มีการพบปะกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการทำการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความใกล้ชิดและนำประสบการณ์ต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญไปใช้ในทางธุรกิจ”