‘อนันดา’ เตรียมขายหุ้นกู้ชั่วนิรนดร์ ดอกเบี้ย 9.5%

บมจ.อนันดา เตรียมขาย หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ 1 พันล้านบาท ผลตอบแทน 5 ปีแรก 9.50% ต่อปี ชำระหนี้ หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ เดิมที่ไถ่ถอนก่อนครบ 5 ปี  มั่นใจครึ่งปีหลังธุรกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังจาก วิกฤติไวรัสโควิด-19 คลี่คลายและมีการปลดล็อคดาวน์เต็มรูปแบบ

นายชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างยื่นเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัทหรือ หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดและมีสิทธิเลื่อนการชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ทั้งนี้บริษัท จะเสนอขายหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ ต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ในวงเงินไม่เกิน1,000 ล้านบาท ผลตอบแทน 5 ปีแรกอยู่ที่ 9.50% ต่อปี คาดว่า จะเสนอขายในวันที่ 3-6 สิงหาค  โดยแต่งตั้งสถาบันการเงิน 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทยธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้จำกัด เป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้

สำหรับเงินที่ได้จากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ ครั้งนี้ จะนำเงินไปใช้เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ ที่บริษัทฯออกขายไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ซึ่งสามารถใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดเมื่อครบกำหนด 5 ปี ในเดือนสิงหาคม 2563 บริษัทฯจึงต้องออกหุ้นกู้ฯชุดใหม่ เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมและจะสามารถนับเป็นส่วนของทุนได้ต่อไป

ส่วนอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ฯ ในครั้งนี้ ปีที่ 1- 5 อัตราคงที่อยู่ที่ 9.50% ต่อปี ปีที่ 6-25 เท่ากับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีบวก 8.93% ต่อปี  ปีที่ 26 เป็นต้นไปเท่ากับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี บวก 9.68% ต่อปี ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี จะถูกปรับทุกๆ 5 ปีเพื่อให้สะท้อนกับสภาวะดอกเบี้ยในขณะนั้น

“บริษัทฯ เคยออกและเสนอขายหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ มาแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนรายใหญ่และผู้ลงทุนสถาบันเป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจว่า การเสนอขายหุ้นกู้ฯครั้งนี้ จะได้รับความสนใจเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะผู้ลงทุนรายใหญ่และผู้ลงทุนสถาบันที่ต้องการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง”

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ในฐานะผู้ออกตราสาร ยังมีความมั่นคงทางด้านการเงิน จากความมุ่งมั่นที่จะรักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 อยู่ที่ 1.07 เท่า และมีเป้าหมายระยะยาวที่จะดำรงอัตราส่วนดังกล่าวให้อยู่ที่ระดับ 1 เท่า และยังมีการสำรองเงินสดอยู่ในระดับสูงและแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย

สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมาก โดยเฉพาะยอดขายและยอดโอน หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลายลง และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ภาพรวมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยสัญญาณดังกล่าวมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่ยอดการเข้าเยี่ยมชมโครงการของบริษัทฯเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 300-400 คนต่อวัน จากช่วงก่อนหน้าที่ 100 คนต่อวัน

“ยอดขายในปัจจุบันทำได้แล้ว 7.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 50% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.66 หมื่นล้านบาท ซึ่งแนวโน้มยอดขายไตรมาส 2/2563 ค่อนข้างดีกว่าที่คาด โดยเฉพาะเดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่ทำยอดขายสูงถึง 3,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มรายได้ในครึ่งหลังของปี2563 คาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยช่วงครึ่งปีหลังจะมีการโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ทั้งหมด 5 โครงการ ในไตรมาส 3 มี 4 โครงการ”นายชัยยุทธกล่าว