บลจ.ทิสโก้ สุดล้ำ เปิดกอง ‘ทิสโก้ Cloud Computing อิควิตี้’

28 มิ.ย. 2563 | 04:33 น.

บลจ.ทิสโก้ ขาย ‘กองทุนเปิด ทิสโก้ Cloud Computing อิควิตี้’ พาลงทุนธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี ‘Cloud’ เปิด IPO 29 มิ.ย. - 13 ก.ค. 63

ปฎิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยี ‘คลาวด์ คอมพิวติง’ (Cloud Computing) หรือระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Google, Dropbox, Facebook, Zoom หรือกระทั่ง Netflix ก็ล้วนแต่มี Cloud มาเป็นส่วนสำคัญในการให้บริการแทบทั้งสิ้น

Cloud Computing จะยิ่งมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต จากการเข้ามาของ Internet of Things (IoT) ในยุค 5G เพราะจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่รอบตัวผู้บริโภคเชื่อมต่อและสั่งการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างหลากหลายมากขึ้น และ Cloud ยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในทุกภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ เช่น การใช้ Big Data มาจับพฤติกรรมผู้บริโภค และปรับเปลี่ยนธุรกิจมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้นรับกับยุค New Normal  

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จึงมองว่า เป็นโอกาสที่ดีหากได้ลงทุนในบริษัทที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจของ Cloud เพราะทุกบริษัทล้วนแต่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตที่ดีตามความต้องการของผู้ใช้งาน  บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ Cloud Computing อิควิตี้ (TCLOUD)  กองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี Cloud Computing โดยเปิดขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 29 มิถุนายน - 13 กรกฎาคม 2563

 บลจ.ทิสโก้ สุดล้ำ  เปิดกอง ‘ทิสโก้ Cloud Computing อิควิตี้’

“จุดเด่นของกองทุนนี้คือ นักลงทุนจะได้กระจายการลงทุนไปยังบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการใช้ Cloud อย่างหลากหลายจากการลงทุนเพียงครั้งเดียว ทั้งหมดล้วนแต่เป็นธุรกิจในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโตสูงตามกระแสเมกะเทรนด์ของโลก แต่ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก”

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Gartner และ Global X ETFs ณ ปี 2562 คาดว่า กลุ่มที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับ Cloud Computing โดยรวมจะเติบโตในระดับ 15-16% ช่วงปี 2563-2565 โดยกลุ่มบริษัทที่ใช้ Cloud ในการพัฒนาซอฟต์แวร์จะเป็นกลุ่มที่รายได้สูงที่สุด โดยรายได้หลักมาจากค่าสมัครสมาชิก ซึ่งถือเป็นกระแสเงินสดที่จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปีและหากลูกค้าใช้งานจนคุ้นเคย บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มีโอกาสทยอยปรับราคาค่าสมาชิกเพิ่มขึ้นได้อีก นอกจากนี้ยังพบว่าอัตรากำไรของธุรกิจนี้ยังสูงอีกด้วย เพราะไม่มีต้นทุนอื่นอีกนอกจากการพัฒนาซอฟต์แวร์