สว.จี้ รัฐบาล เพิ่มงบแก้เหลื่อมล้ำการศึกษา

24 มิ.ย. 2563 | 13:29 น.

สมาชิกวุฒิสภา จี้ รัฐบาลเพิ่มงบ แก้ปัญหาเหลื่อมล้ำการศึกษา ติดเครื่องโครงการวิจัยพัฒนาครูต้นแบบ กรุยเส้นทางเสมอภาคการศึกษาอย่างทั่วถึง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณา รายงานกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ประจำปี 2562  ทั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ให้ความสนใจการทำงานของ กสศ. เป็นอย่างมาก โดยมีผู้เสนอขออภิปรายถึง 12 ราย ขณะที่  นายสุภกร  บัวสาย  ผู้จัดการ กสศ. ทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แจงการทำงานของกองทุนฯ ต่อที่ประชุมสภาฯ

สว.จี้ รัฐบาล เพิ่มงบแก้เหลื่อมล้ำการศึกษา

สมาชิกวุฒิสภาเสนอต่อกสศ. เกี่ยวกับดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคทางการศึกษาอย่างแท้จริง โดยเฉพาะ การสนับสนุนกสศ. ให้ความสำคัญโครงการ ทุนครูรักษ์ถิ่น  เน้นการศึกษาวิจัยแนวทางพัฒนาครูต้นแบบ  

นายตวง อันทไชย ในฐานะประธานกรรมาธิการศึกษา วุฒิสภา  อภิปรายว่า  เนื่องจาการจัดสรรเงินอุดหนุนของรัฐบาล ต่อ กสศ. ยังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย  ครม.จึงควรพิจารณาการจัดสรรงบอย่างพอเพียง ให้กสศ. คลอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย

ร้อมกันนี้ นายตวง ยังระบุว่า  ในจำนวน 9 โครงการ พบว่า การดำเนินงานด้านการศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนาครูต้นแบบ ให้มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอน ยังมีการดำเนินการที่คิดเป็นสัดส่วนที่น้อย

“เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับผลการดำเนินโครงการสำคัญทั้ง 9 โครงการที่ผ่านมาในปีงบประมาณ 2562 ของกองทุน ซึ่งจะส่งผลให้เข้าใจได้ว่าการดำเนินงานส่วนใหญ่ของกองทุนนั้นเป็นการให้ความช่วยเหลือในเรื่องของเด็กยากจนเฉพาะการอุดหนุนในส่วนของเงินงบประมาณ ซึ่งอาจไม่สามารถนำไปขยายผลในเชิงการลดความเหลื่อมล้ำในมิติเชิงคุณภาพได้  ดังนั้น จึงควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการในปีถัดไป” นายตวง กล่าว  

อย่างไรก็ตาม นายตวง  ยังกล่าวทิ้งท้าย ชื่นชมและให้กำลังใจ กสศ. แสดงตัวเลขเหลื่อมล้ำเห็นทิศทางอนาคตได้ดี พร้อมกับเห็นด้วยกับโครงการ พัฒนาอาชีพให้ชุมชนเป็นฐาน ซึ่งจากประสบการณ์กองทุนซิบ ใช้ฐานทุนเป็นตัวขับเคลื่อนจะสามารถลดความเหลื่อมล้ำในชุมชน ให้คนในชุมชนเป็นตัวช่วยชุมชน อยากขยายไปยังเครือข่ายอื่นที่อยู่ตามซอกหลืบป่าเขาด้วย

นายตวง อันทไชย ในฐานะประธานกรรมาธิการศึกษา วุฒิสภา

ทั้งนี้ นายตวง ได้ให้โจทย์กสศ.ได้แก้ไขความเหลื่อมล้ำทั่วถึงทุกพื้นที่  ตัวอย่างเช่น  โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.อุบลราชธานี พบว่า   มีนักเรียนไม่มาโรงเรียน จะตัดต้นพยูงมาขายหาอาหาร ผอ.โรงเรียนไปอยู่ที่นั่น เขาก็ลองทำอาหาร เด็กมาทุกวัน โดยโรงเรียนหาเงินเอง โดยใช้เงินผ้าป่า โรงเรียนชายขอบแอบบนี้มีเยอะ จะพบความยากจน เหลื่อมล้ำ ฝากการบ้านค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่ตรงนี้ด้วย  

นายเฉลา พวงมาลัย สว. ให้ความสำคัญเกี่ยวกับ การพัฒนาคุณภาพครู เช่นกัน โดยอภิปรายว่า อยากให้ กสศ. เจาะลึกถึงกระบวนการผลิตครู เดิมใช้งบประมาณ 42 ล้านบาท ก็ควรเพิ่มงบประมาณ เพื่อใช้การเรียนการสอน ให้นักศึกษาเรียนวิชาชีพครู พัฒนาชนบทตัวเอง“ผมอยากให้กสศ.พิจารณาว่าทำอย่างไร ให้นักเรียนอยู่ในชนบทได้รับการศึกษา เมื่อมีงบประมาณ ให้เขามาเรียนในมหาวิทยาลัยติดตามพฤติกรรม สร้างคุณธรรมจริยธรรม และให้ไปพัฒนาท้องถิ่น ต่อยอดครูอย่างมี อยากให้เงินกองทุนนี้ ขยายโอกาสให้ชนบทไดรับการศึกษาอย่างแท้จริง” นายเฉลา กล่าว
 

ยูเนสโกชื่นชม กสศ.


ขณะที่ นพ.เฉลิมชัย เครืองาม กล่าวว่า  องค์การยูเนสโก  ได้เลือกกสศ. ของไทยเป็นหนึ่งในแปดกรณีศึกษาของโลก ที่มีความก้าวหน้าในการทำให้การศึกษาเป็นสิ่งเสมอภาค  นี่คือ ปรากฎการณ์ที่เป็นเกียรติ อย่างยิ่งหนึ่งในแปดไม่ใช่ว่าได้มาง่ายๆ องค์ประกอบสำคัญ คือ กสศ. ตลอดการทำงานสองปีเต็ม ทำให้ฝันของผู้ยากไร้ ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้เข้าถึงการศึกษา  แม้ว่างบประมาณสนับสนุนให้กระทรวงศึกษาธิการ จำนวนห้าแสนล้าน แต่ปรากฎการณ์ที่ผู้ไม่เข้าถึงการศึกษาหรือเหลื่อมล้ำการศึกษา ยังคงอยู่ ไม่เชื่อว่าแค่กสศ.หน่วยงานเดียวดำเนินการเรื่องนี้ แต่ต้องประสานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

“งบที่ได้ถูกจัดสรรถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างอาคารสถานที่ เป็นเงินเดือนบุคลากรการศึกษาจำนวนมาก  แต่นับมีเพียง 0.5 % ช่วยเหลือกรณีผู้ยากไร้เข้าถึงการศึกษา เด็กอายุ 3- 5 ปี ราวสองล้านคน ที่ควรจะเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานแต่มีความเสี่ยงหลุดพ้นจากการศึกษา   เด็กอายุ 3-5 ปี ประมาณหกแสนคนอยู่นอกระบบการศึกษา เป็นสิ่งที่น่าเศร้าใจ

นพ. เฉลิมชัย กล่าวว่า  ข้อมุลกสศ.เด็กไทยที่พ้นระดับขั้นพื้นฐานก้าวเข้าสู่ระดับมัธยมและระดับอุดมศึกษาแค่ 5 เปอร์เซนต์แล้วอย่างนี้ประเทศไทยจะหลุดพันกับดักรายได้ปานกลางได้อย่างไร ฉนั้นเงินจำนวนที่กรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา  เสนอมาปีละสองหมื่นห้าพันล้าน คือห้าเปอร์เซนต์ของงบศธ.แต่ละปีไม่มากเลย  กระนั้น กสศ.มีบทบาทหน้าที่สำคัญ ไม่เชื่อว่ากสศ.องค์กรเดียวทำได้สำเร็จ สิ่งที่ต้องไปทำ ต้องเป็น คลังสมอง สร้างนวัตกรรม สร้างเทคโนโลยี ระดมสรรพกำลัง ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของรธน.และพ.ร.บ.กสศ.  

“ผมฝากกสศ. ประการแรก อย่าไปดำเนินการแบบสังคมสังเคราะห์ ผมเห็นด้วยเพราะเป็นการให้โดยไม่หวังผล ท่านต้องช่วยอย่างหวังผลเพื่อให้ผู้รับมีพัฒนการที่ดี พัฒนาการทั้งสุขภาพ กายใจ เชาว์ปัญญา พัฒนาทัศนคติเจตนคติ อุดมการณ์ ซึ่งต้องประสาน กับ ศธ. พม. และภาคเอกชน ทำวิจัยให้เยอะ เป็นทิงแทง์ให้ทุกภาคส่วนนำไปต่อยอดใช้งาน  งบประมาณ 2.5 พันล้านบาท กับนักเรียน ยังไงก็ไม่พอ ท่านต้องไปปรับยุทธศาสตร์การดำเนินงานบริหารของกสศ.ให้บรรลุวัตถุประสงค์ยุทธศาสตร์ชาติ20 ปี  ภายใต้งบประมาณที่จำกัดได้อย่างไร” นายเฉลิมชัย กล่าว  
 
 ให้โอกาสเด็กความสามารถพิเศษ

นายชาญวิทย์  ผลชีวิน   เสนอ กสศ.เข้าไปสนับสนุนการค้นหาเด็กที่มีความสามารถพิเศษ  นักดนตรี  ศิลปะ  กีฬา อยากตั้งคำถามว่า ในจำนวน 9 โครงการ เด็กพวกนี้ไปอยู่โครงการไหน สิ่งที่พวกเราได้เห็นคนเหล่านี้ กีฬา ดนตรี ศิลปะ คือการศึกษาหรือไม่ ถ้ากสศ.คิดว่า สิ่งเหล่านี้คือการศึกษา อยากฝากกสศ. ช่วยสนับสนุนคนเหล่านี้   ถ้าเขามีทุนอยู่แล้ว กสศ.จะสนับสนุนส่วนอื่นให้เขาประสบความสำเร็จได้หรือไม่  เปิดโอกาสสร้างโอกาส ให้โอกาสเด็กเหล่านี้

แนะเชื่อมโครงการเน็ตประชารัฐ

นายธานี อ่อนละเอียด   อภิปรายด้วยการเสนอว่า อยากเห็น ความร่วมมือ จากบุคลากรครูที่มีคุณภาพอาสาสอนหนังสือผ่านโครงการเน็ตประชารัฐครอบคลุม 7.4 หมื่นกว่าหมู่บ้านทั่วประเทศ มีประชากรชายขอบ 3,920  กว่าแห่งจะแก้ปัญหาความเท่าเทียมกันความเสมอภาคทางการศึกษา

 

“ผมเคยฝัน และไม่รู้จะมีโอกาสเห็นไหม  โดยรัฐสร้างแรงจูงใจให้เขาได้หรือไม่ เช่นให้สิทธิพิเศษ เช่นลดภาษี สิทธิการรักษาพยาบาล การขอพระราชทานเครื่องราชย์  ท่านเหล่านี้จะมาช่วยแต่ละสาขาวิชาชีพเหมือนอาจารย์หมอ  ครูที่อยู่ประจำก็จะช่วยสอนเพื่อจะลดความเสมอภาคทางการศึกษา ให้โรงเรียนที่ขาดแคลนมีสื่อการเรียนการสอน คุณภาพการศึกษาจะเท่ากันทั่วประเทศ” นายธานี กล่าว