“ทิพานัน”ตอก“พิธา”จี้ยกเลิก“พรก.ฉุกเฉินสวนทาง“อนามัยโลก”

24 มิ.ย. 2563 | 07:39 น.

รองโฆษกพปชร.ตอก “พิธา” เรียกร้องเลิก “พรก.ฉุกเฉิน” สวนทางองค์การอนามัยโลก ฉะแอบแฝงการเมือง-ตามใบสั่ง หวังจัดอีเวนต์สร้างความขัดแย้ง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี กล่าวถึงกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กอ้างประชาชนต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกล่าวหาว่าการคงประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นข้ออ้างของรัฐบาลเพื่อยื้อเวลาและสะท้อนการเสพติดอำนาจว่า เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ทั้งที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่นายพิธา กลับอ้างประชาชนมาเร่งรัดจนน่าสงสัยว่าการเรียกร้องดังกล่าวนี้มีผลประโยชน์ทางการเมืองใดแอบแฝงหรือไม่ หรือเป็นการทำตามใบสั่งของกลุ่มคณะใด ที่ต้องการเคลื่อนไหว สร้างอีเวนต์ทางการเมือง เพื่อให้เกิดความขัดแย้ง และความไม่สงบในประเทศในช่วงเวลานี้ 

 

“ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19  ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 119 คน และอดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐทั่วประเทศลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั้งด้านปัจจัย 4 และการควบคุมการติดเชื้ออย่างจริงจัง เราได้รับฟังความคิดเห็นที่แท้จริงจากประชาชน ซึ่งไม่พบว่าได้รับความเดือดร้อนใดๆ จากการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน แต่จะได้รับผลกระทบในการใช้ชีวิตจากมาตรการเพื่อควบคุมโรคที่ออกมา สอดคล้องกับสถานการณ์การติดเชื้อ ซึ่งประชาชนเข้าใจและให้ความร่วมมืออย่างดีจนประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี ติดอันดับต้นของโรค และได้รับความชื่นชมจากนานาประเทศ ผลกระทบต่างๆ ของประชาชนก็ได้รับการช่วยเหลือจากมาตรการเยียวยาต่างๆ ที่รัฐบาลออกมาและเริ่มมีการผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ  ไม่มีใครเดือดร้อนและต้องการให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เสียงเรียกร้องของนายพิธา จึงขัดแย้งกับความต้องการที่แท้จริงของประชาชนหรือเปล่า” น.ส.ทิพานัน กล่าว

 

 

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวอีกว่า นายพิธาควรหยุดใส่ร้ายรัฐบาลอย่างไม่มีหลักฐาน ว่า รัฐบาลเสพติดอำนาจจึงต้องการคง พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ไว้ เพราะในความเป็นจริงนั้น รัฐบาล ศบค. แพทย์ และทีมสาธารณสุข  ได้ประชุมร่วมกันตลอดเพื่อนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ช่วยสร้างระบบบริหารจัดการเชิงบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และสร้างมาตรฐานกลางด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดทั่วประเทศ และแม้สถานการณ์ในประเทศไทยจะดีขึ้นมาก ปลอดผู้ติดเชื้อในประเทศ 30 วันแล้วแต่ก็ยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง เพราะสถานการณ์ทั่วโลกยังไม่ได้ดีขึ้น พบการระบาดใหม่ระลอก 2 ในหลายประเทศ จนองค์การอนามัยโลกแถลงเรียกร้องร้องให้ประเทศต่างๆ กลับมาเข้มงวดกับมาตรการต่อต้านโควิด-19

 

ดังนั้น การพิจารณามาตรการผ่อนคลายต่างๆ รวมถึงยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องมีความเหมาะสมกับสถานการณ์และมาตรการควบคุมโรค ข้อเรียกร้องของนายพิธา จึงสวนทางกับองค์การอนามัยโลก(ฮู) หากมีการทำตามข้อเรียกร้องที่ไม่เหมาะสมของนายพิธาแล้วเกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 นายพิธาก็คงไม่มารับผิดชอบและไม่มีความรู้ความสามารถที่จะเยียวยาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

 

 “นายพิธา ควรหยุดเรียกร้องการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยไม่ได้ลงพื้นที่ ฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนจริงๆ  เมื่อ "ติดกระดุมครบทุกเม็ด" แล้ว ควรหยิบหน้ากากอนามัย ก้าวให้ไกลออกจากตัวบ้านเพื่อลงพื้นที่ "ช่วยเหลือประชาชน" และฟังเสียงความต้องการที่แท้จริง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาของสังคมว่าการเรียกร้องดังกล่าวแฝงวัตถุประสงค์ทางการเมืองหรือเป็นการทำตามใบสั่งของกลุ่มคณะเคลื่อนไหวทางการเมืองใดหรือไม่”รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว