ยั่วไม่เลิก สองเกาหลีอัด “สงครามจิตวิทยา” ใส่กันไม่ยั้ง

23 มิ.ย. 2563 | 17:18 น.

การเผชิญหน้าในคาบสมุทรเกาหลี ยังคุกรุ่นใกล้ถึงจุดเดือด โดยทั้งสองเกาหลียังคงยั่วยุกันอย่างต่อเนื่อง แหล่งข่าวทาง ทหารของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ทหารเกาหลีเหนือ ได้กลับมาติดตั้งลำโพง 20 ตัวใกล้เขตปลอดทหารอีกครั้งเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากได้ถอดออกไปเมื่อครั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ลงนามในข้อตกลงยุติการกระทำที่ไม่เป็นมิตรระหว่างกันทั้งหมดเมื่อปี 2561

 

แม้ เกาหลีเหนือ ยังไม่ได้กระจายเสียงใด ๆ แต่ก็มีรายงานข่าวว่า ขณะนี้ เกาหลีใต้ ก็กำลังติดตั้งลำโพงในฝั่งของตนเองเช่นกัน เพื่อพร้อมสำหรับการตอบโต้เกาหลีเหนือได้ทุกเวลา 

ยั่วไม่เลิก สองเกาหลีอัด “สงครามจิตวิทยา” ใส่กันไม่ยั้ง

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ปฏิเสธที่จะยืนยันการเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือ แต่ได้ย้ำในการแถลงข่าวตามวาระว่า เกาหลีเหนือจะต้องยอมรับผลที่จะตามมา หากยังคงท้าทายความพยายามร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี

 

ก่อนจะมีข้อตกลงฉบับปี 2561 สองเกาหลีได้ใช้ลำโพงชุดมหึมากระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อ ทำสงครามจิตวิทยาข้ามชายแดนกันมาหลายทศวรรษแล้ว โดยเกาหลีใต้จะกระจายเสียงข่าว เพลงป๊อปเกาหลี และบทความวิจารณ์ระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ ขณะที่เกาหลีเหนือก็กระจายเสียงบทความโจมตีเกาหลีใต้ และยกย่องระบอบสังคมนิยมของตัวเอง

อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง

“ทรัมป์” ลงนามต่อเวลาคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออีก 1 ปี

พินาศแล้ว "เกาหลีเหนือ" ระเบิดทิ้งศูนย์ประสานงานร่วมสองเกาหลี

นอกจากความเคลื่อนไหวในเรื่องการติดตั้งลำโพงติดเขตชายแดนแล้ว ทั้งเกาหลีเหนือและใต้ยังใช้ยุทธวิธีเดียวกันสร้างแรงกดดันเชิงจิตวิทยา โดยกลุ่มผู้แปรพักตร์ที่หนีจากเกาหลีเหนือไปอยู่ในฝั่งเกาหลีใต้ ยังคงกระทำการยั่วยุเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่องด้วยการปล่อยบอลลูนโปรยใบปลิวโจมตีนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือจากบริเวณชายแดน

บอลลูนโจมตีผู้นำเกาหลีเหนือปล่อยจากฝั่งเกาหลีใต้

มีรายงานข่าวระบุว่า เมื่อค่ำวันจันทร์ (22 มิ.ย.) ที่หมู่บ้านพาจู บริเวณชายแดนระหว่างสองเกาหลี กลุ่มผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือซึ่งมีชื่อว่ากลุ่มต่อสู้เพื่อปลดปล่อยเกาหลีเหนือได้ปล่อยบอลลูน 20 ลูก โปรยใบปลิวโจมตีนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ และนางคิม โย จอง น้องสาวของเขา จำนวนร่วม 500,000 ใบ รวมทั้งธนบัตรใบละ 1 ดอลลาร์ 2,000 ใบ และ เอสดี การ์ด 1,000 ชิ้น

 

การกระทำดังกล่าวมีขึ้นทั้ง ๆ ที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือเพิ่งจะระเบิดอาคารศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างสองเกาหลีเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของกลุ่มผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือ รวมทั้งรัฐบาลเกาหลีใต้ที่เพิกเฉยต่อการโปรยใบปลิวโจมตีรัฐบาลและผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ก่อนหน้านั้นไม่นาน เกาหลีเหนือยังได้ตัดช่องทางการสื่อสารที่ใช้ติดต่อกับเกาหลีใต้ทั้งหมด เพื่อตอบโต้การโปรยใบปลิวจากฝั่งเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีเหนือถือเป็นการ “ยั่วยุ” และเป็นการกระทำที่ “ดูหมิ่นเกาหลีเหนืออย่างที่ไม่อาจจะทานทนได้”  

 

ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า เกาหลีเหนือเองได้ขู่เตรียมจะส่งลูกโป่งกว่า 3,000 ลูกพร้อมใบปลิว 12 ล้านใบที่มีข้อความต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงความโกรธเคืองและความเกลียดชังของชาวเกาหลีเหนือเข้าไปในฝั่งเกาหลีใต้ด้วยแล้วเช่นกัน


ยั่วไม่เลิก สองเกาหลีอัด “สงครามจิตวิทยา” ใส่กันไม่ยั้ง

นับตั้งแต่สงครามเกาหลีสิ้นสุดลงโดยไม่มีสนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการ กลุ่มผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือที่ไปอยู่ฝั่งเกาหลีใต้ นิยมใช้วิธีโปรยใบปลิวโจมตีรัฐบาลเกาหลีเหนือมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา

 

สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดจากการยั่วยุกันไปมาดังกล่าว ทำให้กระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้ ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มนักเคลื่อนไหวและผู้แปรพักตร์ ยุติการแจกจ่ายใบปลิวโจมตีกันและกัน เนื่องจากไม่ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันมาร่วมกันส่งเสริมสันติภาพ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามดังกล่าวจะไร้ผล

 

กลุ่มนักเคลื่อนไหวซึ่งเป็นผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนืออ้างว่า ประชาชนในฝั่งเกาหลีเหนือยังอยู่ภายใต้การปกครองของเผด็จการ พวกเขามีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง “ใบปลิวไม่ใช่ยาพิษสักหน่อย และลูกบอลลูนก็ไม่ได้เอาระเบิดไปปล่อย” กลุ่มต่อสู้เพื่อปลดปล่อยเกาหลีเหนือระบุ

 

ขณะเดียวกันนายโย ซัง คี โฆษกกระทรวงการรวมชาติของเกาหลีใต้ ได้แถลงเมื่อวันจันทร์เตือนเกาหลีเหนือว่า การส่งใบปลิวโจมตีเกาหลีใต้โต้ตอบกลับมา รังแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเสื่อมถอยลง “เกาหลีเหนือควรตระหนักถึงจุดยืนของเกาหลีใต้ที่มีต่อเรื่องนี้ และถอนแผนการนี้เสีย” โฆษกฝ่ายเกาหลีใต้กล่าว  

 

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า เกาหลีเหนือมักจะกระทำการยั่วยุในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อหวังบีบให้เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกายอมทำตามในสิ่งที่เกาหลีเหนือต้องการ อีกทั้งวันพุธนี้ (24 มิ.ย.) ยังเป็นวันครบรอบการเริ่มต้นสงครามเกาหลี เชื่อว่าเกาหลีเหนือจงใจที่จะสร้างสถานการณ์เพิ่มความตึงเครียดและอำนาจการต่อรอง เพื่อบีบให้เกาหลีใต้และสหรัฐ หันกลับมาเจรจากับเกาหลีเหนืออีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือ และการดำเนินโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้มากขึ้นตามที่เกาหลีใต้เคยรับปากไว้ เนื่องจากหลายโครงการเคยมีการพูดถึงในแถลงการณ์ร่วม แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากท่าทีของสหรัฐ ที่จะยืนยันว่าเกาหลีเหนือต้องยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดเสียก่อน จึงจะเริ่มเจรจาเรื่องการผ่อนผันมาตรการคว่ำบาตร


 ข้อมูลอ้างอิง

North Korea: Balloons and speakers raise Korean border tensions

North Korea Vows to Dump Millions of Leaflets and Trash on the South