หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) อนุมัติแบบแสดงรายการ(ไฟลิ่ง)เพื่อเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF)
นายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด(มหาชน)หรือ KBSเปิดเผยว่า บริษัทฯเดินหน้าจัดตั้ง กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) วงเงินไม่เกิน 2,800 ล้านบาท โดยมีธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)เป็นบริษัทจัดการกองทุน
ทั้งนี้ กลุ่มน้ำตาลครบุรี ได้วางนโยบายเสริมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายและต่อยอดการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงแก่องค์กร โดยการนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายมาสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุดผ่านการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิง
ปัจจุบันโรงไฟฟ้าดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด (KPP) ซึ่งเป็นบริษัทที่ KBS ถือหุ้น 99% เพื่อดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าระบบผลิตพลังงานความร้อนและไฟฟ้าร่วมกัน(Cogeneration System) กำลังการผลิตรวม 73 เมกะวัตต์ ช่วยให้บริษัทฯสามารถนำทรัพยากรหมุนเวียนที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำตาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเสริมความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าแก่ประเทศอีกด้วย
“KBS ได้จัดหาและป้อนวัตถุดิบกากอ้อย เพื่อนำไปใช้ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าให้กับ KPP ซึ่งเป็นคู่สัญญาจำหน่ายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) 16 เมกะวัตต์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 22 เมกะวัตต์ และมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มน้ำตาลครบุรีอีกไม่เกิน 25 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้า KPP เติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา”
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า กองทุนรวม KBSPIF จะระดมทุนเพื่อเข้าลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภทโรงไฟฟ้าของ KPPซึ่งโครงการดังกล่าวมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่กองทุนฯ และสามารถจ่ายปันผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยในระยะยาว