เปิดโผหุ้นท่องเที่ยว รับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์

09 มิ.ย. 2563 | 06:04 น.

คลายล็อกดาวน์ หนุน”ท่องเที่ยวฟื้นตัว” บล.กสิกรไทย ปรับมุมมองหุ้นกลุ่มโรงแรมเป็น “บวก” จาก”กลาง” คาดผลประกอบการไตรมาส 2/63 แตะจุดต่ำสุดขาดทุนที่ 7.9 พันล้านบาท ชี้ธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้มาจากโรงแรมต่ำ จะทำกำไรได้ดีกว่า เลือก  AWC CENTEL และ VRANDA  ด้านบล.โกลเบล็ก เชียร์ 5 หุ้น ERW-CENTEL- AOT-AAV-BA รับอานิสงส์ เต็มๆ

 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย ระบุว่า ได้ปรับเพิ่มมุมมองสำหรับกลุ่มโรงแรมเป็น "บวก" จาก "กลาง" คาดกำไรกลุ่มโรงแรมจะแตะจุดต่ำในไตรมาส 2/2563   ประเมินผลขาดทุนปกติ สำหรับกลุ่มโรงแรมในไตรมาส 2/2563 ที่ 7.9 พันล้านบาท. ซึ่งขาดทุนมากขึ้นเมื่อเทียบกับผลขาดทุนปกติที่ 2.7 พันล้านบาท (QoQ ) ในไตรมาส 1/2563 (ก่อนใช้ TFRS 16)  และพลิกมาจากกำไรปกติที่ 2.3 พันล้านบาทในไตรมาส 2/2562  ( YoY )  เราเชื่อว่าตลาดรับรู้คาดการณ์กำไรที่อ่อนแอในไตรมาส 2/2563 ไปส่วนหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่โรงแรมส่วนใหญ่ในประเทศได้ปิดให้บริการชั่วคราวในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีคำสั่งห้ามการเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่เดือน เม.ย. 2563 ซึ่งมีขยายกรอบเวลาการใช้คำสั่งถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2563

เราชอบหุ้นที่มีสัดส่วนธุรกิจโรงแรมต่ำ คาดว่าหุ้นที่มีสัดส่วนธุรกิจโรงแรมต่ำจะมีกำไรทั้งปี 2563 ที่ดีกว่า เพราะคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าในปี 2563 ยังหดตัวลงอย่างมาก โดย AWC คือหุ้นที่มีสัดส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่โรงแรม (non-hotel) มากที่สุด ซึ่งคิดเป็น 55% ของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ตามด้วย CENTEL ที่ 32% ขณะที่คาดว่า VRANDA จะเป็นหุ้นกลุ่มโรงแรมเพียงตัวเดียวที่จะสามารถรายงานกำไรปกติได้ในปี 2563  โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ธุรกิจ non-hotel จะปรับเพิ่มขึ้นจาก 24% ในปี 2562 มาอยู่ที่ 65% ในปี 2563

นอกจากนี้กลุ่มโรงแรมต่างจังหวัดจะมีผลงานที่ดีกว่า เราชอบกลุ่มโรงแรมต่างจังหวัดมากกว่า โรงแรมในกรุงเทพฯ เพราะคาดว่าจะมีผลงานที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่มโรงแรมในกรุงเทพฯ ขณะที่คาดว่ากลุ่มโรงแรมในกรุงเทพฯ จะมีผลการดำเนินงานที่อ่อนแอ เพราะรายได้ของกลุ่มนี้พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก

ทั้งนี้ คาดว่า VRANDA CENTEL และ ERW จะมีผลการ ดำเนินงานที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3/2563 เพราะมีสัดส่วนห้องพักในแหล่งท่องเที่ยวที่ขับรถไปได้จำนวนมากที่ 47% , 26% และ 22% ตามลำดับ

 

เปิดโผหุ้นท่องเที่ยว รับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์

 

บล.กสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มประมาณการขาดทุนปกติของปี 2563 เพิ่มขึ้น 5% หรือจากขาดทุนปกติที่ 1.68 หมื่นล้านบาท เป็นขาดทุน  1.75 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ก็เพื่อสะท้อนกำไรปกติในไตรมาส 1/2563 ที่ต่ำกว่าคาด รวมถึงการขยายกรอบเวลาห้ามเดินทางเข้าประเทศไทยของรัฐบาลไปถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ขณะที่ยังคงประมาณการกำไรสำหรับ MINT และ VRANDA ตามเดิม

ทั้งนี้คาดว่า AWC และ CENTEL จะมีผลขาดทุนที่ต่ำกว่าหุ้นกลุ่มโรงแรมตัวอื่นที่เราวิเคราะห์อยู่ เพราะต่างก็มีสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจ non-hotel ในระดับสูงที่ 55% และ 32% ตามลำดับ โดยเราคาดว่า VRANDA จะเป็นหุ้นกลุ่มโรงแรมเพียงตัวเดียวที่จะสามารถรายงานกำไรปกติได้ในปี 2563 เพราะงานก่อสร้างโครงการวีรันดา เรสซิเดนช์ หัวหินที่เสร็จสมบูรณ์

เลือก AWC CENTEL และ VRANDA เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มโรงแรม


 

 

บล.โกลเบล็ก จำกัด หรือ GSB  ประเมินทิศทางการลงทุนในขณะนี้ว่า หลังจากที่มีการคลายล็อกดาวน์ เฟส3 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ภาคการลงทุนเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งโดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่ส่อแววจะเริ่มกลับมาคึกคัก โดยจะเห็นเหล่าบรรดาผู้ประกอบการทยอยออกแพ็กเกจท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้คนกลับมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น หลังจากประสบปัญหาสถานการณ์โควิด-19 จนทำให้ธุรกิจเกิดการชะลอตัวตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม2563ที่ผ่านมา

ดังนั้นฝ่ายวิจัย GSB  มองว่าหุ้นในกลุ่มที่จะได้รับอานิสงส์ต่อกรณีดังกล่าวคงหนีไม่พ้นกลุ่มท่องเที่ยว จึงคัด 5 หุ้นที่น่าจับตา ได้แก่ ERW, CENTEL, AOT, AAV และ BA ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการออกแพ็กเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ นอกจากนี้ ยังได้มองว่า ในวันที่ 22มิ.ย.นี้ จะมีหุ้นที่จะได้เข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Large Cap Index รอบใหม่  อย่าง CRC และ DIF เข้ามาสร้างสีสัน 

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway Up โดยมองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,430-1,475 จุด อย่างไรก็ตามจากระดับ Valuation ของตลาดหุ้นไทยค่อนข้างแพง โดยในปัจจุบันมีการซื้อขายที่ระดับ P/E 20 เท่า ซึ่งสูงสุดในภูมิภาค จึงเป็นสาเหตุทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน และหันไปลงทุนประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน

 

 

ด้านบล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่าปัจจัยที่ต้องติดตามคือ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ที่ ครม. จะอนุมัติในเร็ว ๆนี้คือ "เที่ยวปันสุข" แบ่งออกเป็น 2 แพ็คเกจ (1) กำลังใจ เป็นแพ็คเกจสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ราว 1.2 ล้านคนเพื่อศึกษาดูงาน เดินทางกับบริษัทนำเที่ยวในประเทศ (2) เที่ยวปันสุข ให้ประชาชนอายุ 18 ปี ขึ้นไปจำนวน 4 ล้านคนลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ซื้อบัตรกำนัลเป็นค่าห้องพักในการท่องเที่ยวข้ามจังหวัดและรัฐจะโอนเงินคืนให้ประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในความเห็นเรามองว่าหากมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวออกมาจริง มองเป็นบวกต่อหุ้นโรงแรม

ดังนั้นเชิงกลยุทธ์การลงทุน เน้นเลือกหุ้นมีปัจจัยบวกได้แก่ธีมการท่องเที่ยวในประเทศ AAV AWC BA ERW SHR และหุ้นที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการท่องเที่ยวในประเทศ (BJC CPALL) จากการจับจ่ายใช้สอยที่จะมากขึ้น