มองหาหุ้นเชิงรับจากระดับดัชนีที่เริ่มแพงแล้ว

19 พ.ค. 2563 | 01:03 น.

 

ประเทศไทยพร้อมกับหลายประเทศทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นใหม่ซึ่งทำให้มีประเด็นสำคัญอยุ่ 2 ประเด็นด้วยกัน 1) ธุรกิจกำลังจะเริ่มดำเนินงานอีกครั้ง 2) ความเสี่ยงของการระบาดระลอกที่ 2 ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะหาความสมดุลของ 2 ประเด็นนี้ ซึ่งในมุมมองของเราประเทศไทยก็ทำได้ดีจนถึงทุกวันนี้ สำหรับในแง่กลยุทธ์การลงทุน มุมมองของตลาดในอีก 12 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นบวกพร้อมกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตลอดทั้งครึ่งปีหลังและปี 2564 แม้กระนั้นเราควรระมัดระวังสำหรับมุมมองตลาดในระยะสั้นจากการที่ SET ขยับเข้าใกล้ระดับราคาที่ถือว่าแพงจาก ระดับ PE ที่ +2SD.  

    

เส้นทางสู่การฟื้นตัวอาจไม่ได้ราบรื่นนัก …  

แม้ว่าจะมีความคาดหวังของการค่อยๆปลดการ lockdown ธุรกิจส่วนใหญ่รวมถึงผู้บริโภคจะยังคงประสบปัญหาจากผลกระทบของ Covid19 ในช่วงของการฟื้นตัว หากมองในระดับโลก การฟื้นตัวของ supply-chain อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก ซึ่งสะท้อนว่าการค้าระหว่างประเทศจะฟื้นตัวในรูปแบบ U-shape มากกว่าจะเป็น V-shape ในขณะที่ระดับของการตกงานจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นและต้องการความช่วยเหลือขนาดใหญ่จากรัฐลบาล ซึ่งนี่ยังหมายถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภค (ซึ่งโดยปกติครึ่งเป็นครึ่งนึงของเศรษฐกิจทั้งหมด) จะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยแม้จะในกรณีดีที่สุด อ้างอิงจากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งเราคาดว่าจะต้องใช้เวลา 3-4 ปีในการให้การเติบโตของเศรษฐกิจกลับไปในระดับเดียวกับก่อนหน้าที่จะเกิดการระบาด

แต่ประเด็นเหล่านี้ก็เป็นที่รับรู้ของนักลงทุนแล้ว

ในมุมมองของเรา นักลงทุนส่วนใหญ่ได้รวมผลของเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ (และกำไร) ของปีนี้เข้าไปแล้ว แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลก (MSCI ของทุกประเทศ) จะมีการดีดตัวกลับมา 24.6% ของการปรับตัวลงที่เกิดจากการระบาด ซึ่งนี่เป็นเพราะนักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกมองการระบาดเป็นปัจจัยหลักในการกดดันเศรษฐกิจทั่วโลกแต่เป็นการชั่วคราว และด้วยนโยบายการตอบโต้ผลกระทบทั่วโลกทั้งนโยบายการคลังและการเงินอยู่ในระดับที่สูงแบบไม่เคยพบมาก่อน จะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง หากมองในตลาดหุ้นเกิดใหม่และตลาดหุ้นไทย เรายังคงมองสัญญาณการกลับตัวของวงจรหนี้ในประเทศจีน การเติบโตของการนำเข้า และการอ่อนค่าของเงิน US เป็นสัญญาณยืนยันตลาดขาขึ้นที่มั่นคง    

 

 

มองหาหุ้นเชิงรับจากระดับดัชนีที่เริ่มแพงแล้ว

แม้ว่าเราจะมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว แต่จากการที่ดัชนี Index ได้ฟื้นตัวราว 30% ในช่วง 1-2 เดือนหลังสุดและ forward-PER อยุ่ที่ระดับ +2SD ของค่าเฉลี่ย 3 ปี ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างตึงและเพิมความเสี่ยงของการปรับฐานของตลาดจาก 3 ปัจจัย 1) ค่า PE ที่ค่อนข้างตึงแล้ว; 2) ความกังวลจากการคลาย lockdown ที่จะนำมาสู่การระบาดระลอกที่ 2; และ 3) ความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯรอบใหม่ เรามองแนวรับของ SET ที่นักลงทุนควรเข้าไปเก็บสะสมหุ้นอยู่ที่ระดับ 1150-1120 จุด -1.0SD ของค่าเฉลี่ย PER 3ปีย้อนหลัง 

ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนสลับออกจากหุ้นในกลุ่มที่เราแนะนำไปก่อนหน้านี้ที่เป็นหุ้นวัฏจักร (AOT, CENTEL, CRC, IVL และ TOP) เพื่อที่จะหาหุ้นที่เป็นเชิงรับมากขึ้นในกลุ่ม ICT (DTAC และ INTUCH) กลุ่มสาธารณูปโภค (TTW) และหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงานคือ PTTGC และ TOP เราคาดว่าหุ้นเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดในช่วงเวลานี้

 

มองหาหุ้นเชิงรับจากระดับดัชนีที่เริ่มแพงแล้ว

 

ข้อมูลที่มา :  บล. กรุงศรี