"ปองพล"ชี้ช่องกู้วิกฤติ“การบินไทย”ยกเลิกสถานะรสก.ผันเป็นบริษัทมหาชนเต็มตัว 

08 พ.ค. 2563 | 05:19 น.

“ปองพล อดิเรกสาร”ชี้ช่องกู้วิกฤติ “การบินไทย” ให้สิ้นสุดสถานะรัฐวิสาหกิจ ผันเป็นบริษัทมหาชนเต็มตัว ดึงผู้มีประสบการณ์-ความสามารถเข้าบริหาร

 

นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายกระทรวง ได้โพสต์เฟซบุ๊กเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาร “การบินไทย” ที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินอยู่ในขณะนี้ 
นายปองพล ระบุว่า “ขณะนี้มีข่าวเกี่ยวกับบริษัทการบินไทยซึ่งประสบการขาดทุนอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมาจนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องประกาศในวันที่ 5 พ.ค. 2563 ให้โอกาสการบินไทยเป็นครั้งสุดท้ายในการเสนอแผนฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาการขาดทุน


ผมในฐานะผู้โดยสารผู้หนึ่งที่ใช้บริการของการบินไทยอย่างสม่ำเสมอมาเป็นเวลาหลายสิบปีและเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจคือองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (รสพ.) เป็นเวลา 5 ปี ได้แก้ไขปัญหาขาดทุนติดต่อกันเป็นเวลา 12 ปีจนมีกำไรและสามารถให้โบนัสพนักงานได้ มีข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาของการบินไทยดังนี้


ก่อนอื่นต้องขอพูดถึงโครงสร้างปัจจุบันของการบินไทยซึ่งมี 2 สถานะ อันเป็นประเด็นสำคัญยิ่ง คือ 


1.เป็นรัฐวิสาหกิจ ตามพรบ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 และพรบ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 เนื่องจากมีหน่วยงานของรัฐถือหุ้นในการบินไทยเกิน 50% คือ 60.72%  อีก 39.28% เป็นผู้ถือหุ้นเอกชน 


การบินไทยมีคณะกรรมการบริษัทเป็นผู้กำหนดนโยบายการบริหารงานของบริษัท แต่ยังมี super board อีก 2 คณะคือคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจโดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานและคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้อนุมัติโครงการสำคัญที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เช่น การซื้อเครื่องบินของการบินไทยและการกู้เงิน 


ซึ่งการมีคณะกรรมการหลายคณะและหลายขั้นตอนในการพิจารณาโครงการธุรกิจที่สำคัญและมีปัจจัยทางการเมืองที่อยู่เหนือการควบคุม แต่มีผลในทางลบต่อการดำเนินงานของการบินไทยซึ่งต้องแข่งขันในเชิงธุรกิจกับสายการบินอื่นอยู่ตลอดเวลา

 

 

2. เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่พ.ศ. 2534 ทุนจดทะเบียน 2,182,771,917 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท โดยมีผู้ถือหุ้นเป็นเอกชน 39.28% อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535


จากโครงสร้างดังกล่าว ทำให้การบินไทยมี 2 สถานะ ตราบใดที่ยังเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งอาจมีประโยชน์ในการกู้เงินโดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน แต่จะมีปัญหาในการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะเอกชนจะไม่กล้านำเงินของตนเองมาลงทุนเต็มที่ในการบินไทย โดยให้รัฐเป็นผู้บริหารงานตามโครงสร้างในข้อ 1 ซึ่งผลการขาดทุนจำนวนมากติดต่อกันหลายปีชี้ให้เห็นถึงการขาดประสิทธิภาพในการบริหารงาน


ขณะเดียวกันการบินไทยมีจุดแข็งในด้านการบริการทั้งบนเครื่องบินและภาคพื้นดิน ซึ่งรวมทั้งการซ่อมบำรุงและครัวการบินตลอดจนความปลอดภัย ทำให้ได้รับรางวัลและคำชมเชยจากองค์กรเกี่ยวกับธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวหลายแห่ง และติดอันดับ 10 ของสายการบินดีที่สุดในโลกประจำปี พ.ศ. 2562


วิธีแก้ปัญหาของผมคือการหาจุดอ่อนขององค์กรให้พบและขจัดจุดอ่อนเหล่านั้นให้หมดไปโดยเร็วและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งขององค์กรอย่างเต็มที่ ซึ่งการบินไทยมีข้อมูลของจุดอ่อนและจุดแข็งอยู่ครบถ้วนแล้ว รอให้มีการพิจารณาดำเนินการอย่างเด็ดขาดและจริงจังจากผู้มีอำนาจตามกฏหมาย


 

 

ผมมีความเห็นว่าถึงเวลาที่ผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการบินไทยทั้งหมดจะต้องตัดสินใจให้การบินไทยมีเพียงสถานะเดียว และขอเสนอให้สิ้นสุดสถานะความเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยให้รัฐบาลขายหุ้นออกไปจาก 60.72% ให้เหลือเพียง 30% เพื่อมีส่วนรับผิดชอบในการเจรจาเรื่องสิทธิการบินในต่างประเทศของการบินไทย 


เมื่อเป็นบริษัทเอกชนเต็มตัวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เป็นหน้าที่ของผู้ถือหุ้นที่จะพิจารณานโยบายการบริหารธุรกิจการบินและสรรหาคณะกรรมการและผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถมาบริหารงาน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องเข้ามากำกับดูแลและเยียวยาการบินไทย ซึ่งประสบปัญหาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ในกำกับที่ประสบปัญหาเดียวกันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก


     ด้วยความปรารถนาดี 
     
สำหรับ นายปองพล อดิเรกสาร เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี, รมว.ต่างประเทศ ,รมต.ประจำสำนายกรัฐมนตรี, รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ รมว.ศึกษาฑธิการ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง