ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ”ว่า วิกฤติไวรัสโควิด-19 ได้รับผลกระทบหนักกว่าวิกฤติต้มยำกุ้ง เพราะกระทบทั้งโลก มีคนตกงานพร้อมกันจำนวนมาก ขณะที่ระบบเศรษฐกิจปั่นป่วน ราคานำ้มันร่วงแรง โดยประเมินว่าถ้าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ลากยาวไปถึงเดือน ก.ย. 2563 กระทบรายได้จากนักท่องเที่ยวหายไป 1 .5 ล้านล้านบาท ,จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 21 ล้านคน ,ส่งออกลดลง 6 แสนล้าน อัตราการขยายตัวส่งออกลดลง -7% , จำนวนคนว่างงาน 13 ล้านคน, GDP อัตราการขยายตัวลดลง -7 ถึง - 6.5% แต่ถ้าลากยาวไปถึงปลายปี2563 จะทำให้GDP ทั้งปีลดลง -8% (อ่านเพิ่มเติม...ฟังเสียงเอกชน! หลังนายกฯลั่นโควิดกระทบศก.ลากยาว)
ด้านนายโกวิทย์ ว่องกลกิจศิลป์ ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญในลำดับต้นๆของประเทศ ครั้งนี่้ได้รับผลกระทบรุนแรงทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ทั่วประเทศกว่า 2,000 ราย ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตประมาณ 40% กำลังผลิตร่วงลงไปแล้วราว60% ตามการผลิตยานยนต์ที่ขณะนี้ทุกค่ายหยุดการผลิตชั่วคราว แต่ยังมองอย่างมีความหวังว่าในไตรมาส4 น่าจะมีสัญญาณบวก เช่น จีนเริ่มกลับมาฟื้นฟู มีการขยับด้านการผลิต แต่เมื่อปัญหาคลี่คลายลงเราต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีก6 เดือนถึง1ปีกว่าจะกลับมาผลิตรถยนต์ได้เท่าเดิมที่ 2 ล้านคันต่อปีเท่าเดิม จากนี้ไปทั่วโลกคงต้องหันมามองกันใหม่เรื่องฐานการผลิตเพราะวิกฤติโควิด-19 ทำให้ซัพพายเชนสะดุดทั้งโลก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการผลิตสินค้า