บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผล 2 กองหุ้นต่างประเทศกว่า 50 ล้าน

12 มี.ค. 2563 | 12:31 น.

บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผล 2 กองหุ้นต่างประเทศ กว่า 50 ล้านบาท เผยหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน-กลุ่มไอทียังแข็งแรงดี แม้ทั่วโลกยังมีความผันผวน

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บริษัทจ่ายปันผลกองทุนหุ้นต่างประเทศ สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 มีนาคม 2562 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2563 รวม 2 กองทุนคือ กองทุนเปิดเค โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ หุ้นทุน(K-GINFRA)ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D)) ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 13 มีนาคม 2563 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 54.79 ล้านบาท

บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผล 2 กองหุ้นต่างประเทศกว่า 50 ล้าน

ทั้งนี้นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน K-GINFRA เมื่อปี 2559 กองทุนได้จ่ายปันผลมาอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมทั้งสิ้น 10 ครั้ง เป็นเงิน 2.15 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนหลักมีนโยบายมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้น รวมถึงทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั้งนี้ แม้ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง และความไม่แน่นอนยังคงมีค่อนข้างสูง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังอยู่ในระดับที่ต่ำ บริษัทยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน โดยมองว่า ปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานยังคงมีความน่าสนใจเข้าลงทุน เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่เน้นลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงและมีรายได้ที่แน่นอน สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงได้ประโยชน์จากการที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ
 

สำหรับกองทุน K-USXNDQ-A(D) จัดตั้งเมื่อปี 2556 ได้จ่ายปันผลมาอย่างต่อเนื่องทุกปีนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเช่นกัน รวมทั้งสิ้น 26 ครั้ง เป็นเงิน 8.30 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนหลักใช้นโยบายการลงทุนแบบเชิงรับที่จะสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง Nasdaq-100 อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq-100 มีสัดส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมากกว่า 50% ซึ่งเป็นกลุ่ม New Economy ที่มีอัตราการเติบโตของรายได้ และกำไรที่สูง รวมถึงมีอัตราการเติบโตของเงินปันผลที่สูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯในภาพรวม ส่งผลให้การประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันสะท้อน PE ที่ 25.6 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งอยู่ที่ 23.8 เท่า และสูงกว่าดัชนี S&P500 ซึ่งอยู่ที่ 22.8 เท่า นอกจากนี้ หุ้นในดัชนี Nasdaq-100  ยังมีโอกาสได้ประโยชน์จากนวัตกรรม (Innovation) ที่ได้ลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) โดยจะส่งผลต่อราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต  
 

“การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่กระจายเป็นวงกว้างทั่วโลก และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มในหลายประเทศ ส่งผลให้ตลาดกังวลว่า จะเกินการควบคุม เป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศลงทุน นอกจากนี้ ตลาดยังมีความกังวลเพิ่มเติมหลังเกิดความไม่ลงรอยกันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและรัสเซียจนอาจเกิดเป็นสงครามราคาน้ำมันได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน K-GINFRA และ K-USXNDQ-A(D) แนะนำให้รอประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน ส่วนผู้ลงทุนเดิมที่ถือครองหน่วยลงทุนไว้แล้ว แนะนำให้ถือต่อเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีของหุ้นทั้ง 2 กลุ่ม”นายนาวินกล่าว