WHOชมเวียดนามเจ๋ง รับมือเป็นระบบ ผู้ป่วยโควิดทุกคนรักษาหาย

รัฐบาลเวียดนามประกาศวานนี้ ( 4 มี.ค.) ถึงความสำเร็จของการควบคุมและรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” โดยผู้ติดเชื้อทั้ง 16 คนในประเทศเวียดนามเวลานี้ ได้รับการรักษาหายแล้วและออกจากโรงพยาบาลได้ทุกคน โดยผู้ป่วยที่มีอายุมากที่สุดอยู่ในวัย 73 ปี นอกจากนี้ ในระยะเฝ้าระวังจนถึงวันที่ 28 ก.พ. ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่  

องค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวในประเทศต่างๆ ยอมรับว่า การลงมือปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและออกมาตรการต่างๆที่จำเป็นอย่างอย่างรวดเร็วฉับไวเป็นหัวใจสำคัญ และเวียดนามก็ทำเรื่องนี้ได้ดี นายแพทย์ คีดอง ปาร์ค ผู้แทนของ WHO ประจำประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ความสำเร็จ(ของเวียดนาม)ที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลมาจาก “การดำเนินการในเชิงรุก” และ “การลงมือปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามประกาศพบผู้ป่วยติดเชื้อ “โควิด-19” อย่างเป็นทางการคนแรกเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมาและคนล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.พ. (ซึ่งเวียดนามระบุว่าเป็นผู้ป่วยคนสุดท้ายและรักษาหายแล้วด้วย) “ถ้าการต่อสู้กับโควิด-19 คือสงคราม ตอนนี้เราก็ชนะสงครามยกแรก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะสถานการณ์ข้างหน้ายังยากที่จะคาดเดา” นายวู ดัค ดัม รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวขณะประชุมทางไกลออนไลน์กับผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆของเวียดนามเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (3 มี.ค.)
 

ขณะที่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้นเป็นกว่า 83,000 คน และผู้เสียชีวิตมากกว่า 3,000 คน สถานการณ์แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในเวียดนาม หลังพบผู้ติดเชื้อคู่แรกในกรุงโฮจิมินห์ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศภาวะการแพร่กระจายของโรคระบาดโควิด-19 ภายในประเทศเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาซึ่งขณะนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อในเวียดนามมีเพียง 6 คน จากนั้นวันที่ 13 ก.พ. เมื่อมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามก็สั่งควบคุมพื้นที่-ปิดกั้นการเข้าออกหมู่บ้านซอนลอย จังหวัดวินห์ฟุค ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนามอย่างเคร่งครัดเป็นเวลา 20 วัน เนื่องจากหมู่บ้านดังกล่าวซึ่งมีประชากรรวม 10,600 คน มีรายงานยืนยันผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ถึง 11 คน เริ่มจากหญิงสาววัย 23 ปีที่เป็น 1 ใน 8 ของลูกจ้างบริษัทญี่ปุ่นที่เพิ่งกลับจากเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการแพร่ระบาดในจีน เมื่อกลับถึงหมู่บ้าน พบว่า ผู้ร่วมคณะไปอู่ฮั่นรวมทั้งหญิงสาวคนนี้ มี 6 คนที่ติดเชื้อโควิด-19  จากนั้นก็เริ่มมีคนอื่นๆ เช่นญาติและเพื่อนของคนกลุ่มนี้ที่ติดเชื้อต่อกันไป ซึ่งรวมถึงทารกวัย 3 เดือน

“เวียดนามมีการดำเนินการตอบรับและแก้ไขปัญหาตั้งแต่ระยะแรกๆของการแพร่ระบาด อย่างเป็นระบบ มีมาตรการเพิ่มการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เพิ่มการตรวจสอบโรคในห้องวิจัย-ทดลอง ป้องกัน-ควบคุมการแพร่ระบาด รวมไปถึงการรักษาผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาล มีการสื่อสาร-ให้ข้อมูลแก่ประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงอย่างชัดเจน และมีการประสานความร่วมมือกันของหลายภาคส่วนและหน่วยงาน” นพ.ปาร์ค ผู้แทนของ WHO ในเวียดนามกล่าวสรุป 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในเวียดนามยอมรับว่า ยังไม่มียาสำหรับใช้รักษาโรคนี้โดยเฉพาะ แต่ที่เวียดนามรักษาผู้ป่วยทั้งหมดจนหายนั้นใช้หลักการพื้นฐาน โดยคณะแพทย์จะวินิจฉัยแนวทางการรักษาตามอาการ เช่น การมีไข้ นอกจากนั้น ก็มีการแยกผู้ป่วยและควบคุมเรื่องโภชนาการอย่างเคร่งครัด และเฝ้าติดตามเช็คระดับของออกซิเจนในกระแสเลือดของผู้ป่วย    

นอกจากนี้ ขณะที่มีการบำบัดรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล รัฐบาลได้มีมาตรการป้องกันการติดเชื้อในวงกว้างด้วยการสั่งงดการเรียนการสอน ขยายเวลาการปิดเทอมของนักเรียนนักศึกษาจนถึงวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่วันหยุดตรุษจีนเป็นต้นมา นักเรียน-นักศึกษาจำนวนนับล้านๆคนในหลายพื้นที่ของเวียดนาม ยังไม่ได้กลับเข้าเรียนตามมาตรการของรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ในสถาบันการศึกษา “ความปลอดภัยของนักเรียนคือสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด” นายเหงียน ฮู โด รัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาธิการของเวียดนามกล่าว ระหว่างนี้ได้มีการสั่งทำความสะอาดและฆ่าเชื้อห้องเรียนก่อนที่การเรียนการสอนจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง ครูและทีมงานของโรงเรียนได้รับการฝึกอบรมให้สามารถแนะนำการปฏิบัติตนพื้นฐานแก่นักเรียน และมีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าเรียน รวมทั้งการกรอกแบบฟอร์มติดตามบันทึกสุขภาพของนักเรียนนักศึกษาเป็นระยะๆ         

และเนื่องจากมีการรายงานถึงความเชื่อมโยงระหว่างพัฒนาการของเชื้อไวรัสโควิด-19 กับสัตว์ป่าซึ่งอาจเป็นพาหะนำโรคในเบื้องต้น รัฐบาลเวียดนามโดยนายกรัฐมนตรี เหงียน ซวน ฟุค ยังได้ออกประกาศห้ามการนำเข้าสัตว์ป่ามายังเวียดนามตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน กรมป่าไม้เวียดนามยังสั่งห้ามเป็นการชั่วคราวไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายสัตว์ข้ามจังหวัดภายในประเทศเวียดนาม แต่ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการห้ามบริโภคสัตว์ป่าโดยตรง

อีกมาตรการสำคัญคือการงดออกวีซ่าให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เช่นเมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เดินทางเข้าเวียดนามเนื่องจากเกาหลีใต้ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุดนอกประเทศจีนในขณะนี้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากอิหร่านและอิตาลี ที่มีอัตราการติดเชื้อสูงเช่นกัน หากเดินทางมาเวียดนามจะต้องถูกกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วัน