ทรัมป์แถลงผลงาน ลั่นนำอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

05 ก.พ. 2563 | 06:36 น.

 

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวปราศรัยแถลงผลงานและนโยบายประจำปีของสหรัฐฯ หรือ State of the Union ต่อสภาคองเกรสในคืนวันอังคารที่ 4 ก.พ. 2563 ตามเวลาในสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.พ. เวลาไทย ระบุว่า ช่วงเวลาแห่งความหม่นหมองของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว และขณะนี้บริษัทต่าง ๆ กำลังกลับมาตั้งฐานการผลิตในอเมริกาอีกครั้ง ภาคธุรกิจกำลังทำกำไรมากขึ้น และนำเงินกลับมาลงทุนช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยในสหรัฐอเมริกา  

ทรัมป์แถลงผลงาน ลั่นนำอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

การกล่าวปราศรัย State of the Union ครั้งนี้ เป็นครั้งที่สามของประธานาธิบดีทรัมป์ และเป็นครั้งที่สองที่มีนาง แนนซี เปโลซี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต นั่งอยู่ด้านหลังเขาในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ร่วมกับรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์

 

ทรัมป์กล่าวถึงผลงานทางด้านเศรษฐกิจว่า ความสำเร็จในการจัดทำข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับจีน แคนาดา และเม็กซิโก (ซึ่งข้อตกลงการค้ากับจีนคือ ข้อตกลงการค้าเฟส 1 และข้อตกลงกับแคนาดาและเม็กซิโก คือข้อตกลงสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา หรือ USMCA ที่นำมาใช้แทนข้อตกลงการค้าเสรีนาฟต้า) นั้นเป็นเรื่องน่ายกย่อง และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เขามั่นใจว่า ข้อตกลง USMCA จะช่วยกระตุ้นการส่งออกให้กับบรรดาเกษตรกรและโรงงานของสหรัฐฯ และจะทำให้บริษัทต่างๆกลับมาลงทุนในสหรัฐฯ อีกครั้ง  ส่วนข้อตกลงการค้ากับจีนนั้น เขาให้ความเห็นว่า "กลยุทธ์ในการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนประสบความสำเร็จ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนอยู่ในจุดที่ดีที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"

 

ทรัมป์แถลงผลงาน ลั่นนำอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ผู้นำสหรัฐฯกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเติบโตอย่างสดใส และช่วงเวลาแห่งความหม่นหมองทางเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นไปแล้ว “ภารกิจของเราคือการนำอเมริกาให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง"  นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงผลงานของรัฐบาลที่ทำให้อัตราการว่างงานลดลง ดัชนีตลาดหุ้นก็สูงขึ้นมาก และสหรัฐฯยังสามารถลดการพึ่งพาด้านพลังงานจากต่างชาติ "เรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการขยายตัวที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา และนโยบายเศรษฐกิจของเราก็แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"

 

ในส่วนของนโยบายการคุ้มครองด้านสุขภาพและการประกันสังคมของอเมริกา ทรัมป์เน้นว่าการแก้ปัญหายาราคาแพงจะเป็นการแก้ไขที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการปฏิรูประบบด้านสุขภาพเสียอีก เขาแสดงความเชื่อมั่นว่า การกำหนดราคายาอย่างโปร่งใสจะช่วยให้ต้นทุนด้านสาธารณสุขปรับตัวลดลง และได้เรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสจากทั้งสองพรรคช่วยสนับสนุนการปรับลดราคายาลงมา  ส่วนการแก้ไขและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีต้นทางการแพร่กระจายที่เมืองอู่ฮั่นในประเทศจีนนั้น เขากล่าวว่า สหรัฐฯกำลังให้ความร่วมมือกับรัฐบาลจีนในการรับมือกับเรื่องนี้ นอกจากนี้ ยังรับปากว่าจะกำจัดเชื้อไวรัสเอชไอวี/เอดส์ ให้หมดไปจากอเมริกาในช่วง 10 ปีข้างหน้า

 

ประเด็นอื่นๆในการแถลงครั้งนี้ ยังครอบคลุมถึงเรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนา และเสรีภาพในการครอบครองอาวุธปืน ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนอเมริกันตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ  รวมถึงนโยบายควบคุมผู้อพยพเข้าเมือง และทลายแหล่งพักพิงแก่ผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายทั่วอเมริกา ซึ่งเขาย้ำว่าการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโกความยาว 500 ไมล์ ( ประมาณ 800 กิโลเมตร) ตลอดแนวชายแดนทางตอนใต้ของสหรัฐฯนั้น จะเสร็จสมบูรณ์ภายในช่วงต้นปีหน้า และเป้าหมายการก่อสร้างก็เพื่อกันผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ หากพบว่าผู้ใดเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก็จะถูกส่งกลับประเทศโดยทันที

 

ทรัมป์แถลงผลงาน ลั่นนำอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

เกี่ยวกับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่า ผลงานการกำจัดนายแบกดาห์ดี หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายไอซิสและการสังหารนายพลโซเลมานีของอิหร่าน เป็นหนึ่งผลงานของรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากบุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลอันตรายและอยู่เบื้องหลังการลอบโจมตีทหารอเมริกันในตะวันออกกลาง เขาย้ำว่า อิหร่านจะต้องยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ "รัฐบาลสหรัฐยังคงเดินหน้าปกป้องความมั่นคงของประเทศ และต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรง กลุ่มก่อการร้ายจะไม่สามารถรอดพ้นจากกระบวนการยุติธรรมของสหรัฐไปได้"

 

นอกจากนี้ ยังกล่าวว่าการเจรจาสันติภาพในอัฟกานิสถานกำลังเกิดขึ้น เพื่อหาทางยุติสงครามที่ยาวนานที่สุดของอเมริกา

 

ส่วนประเด็นใหม่เอี่ยมเป็นเรื่องของการจัดตั้ง กองทัพอวกาศซึ่งถือเป็นกองทัพใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะทำหน้าที่บริหารจัดการ ฝึกฝน และจัดสรรบุคลากรของกองทัพ เพื่อเน้นปฏิบัติการด้านอวกาศโดยเฉพาะ และเป็นกองทัพอิสระ มีสถานะเทียบเท่า 5 เหล่าทัพแรก คือ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กองกำลังนาวิกโยธิน และกองกำลังรักษาการณ์ชายฝั่ง

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ถือเป็นผู้นำคนเเรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาที่ได้กล่าวปราศรัย State of The Union ขณะที่ตัวเขาเองกำลังถูกเสนอถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี  โดยในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐฯ วุฒิสภาจะลงมติพิจารณาข้อกล่าวหาในกระบวนการขอถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง ซึ่งฝ่ายเดโมแครตที่เป็นฝ่ายค้านได้ชงเรื่องมาจากสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดหมายว่า วุฒิสภาซึ่งรีพับลิกันคุมเสียงข้างมาก จะลงมติให้ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีความผิด