อาลัย “ดร.เดือนเด่น” นักวิชาการต้านโกง นักสู้ ”ผูกขาดการค้า”
เป็นข่าวเศร้าและช็อกสำหรับวงการวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์ของประเทศไทย กับ อุบัติเหตุ ที่เกิดกับ ”ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์" ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ TDRI ที่ต้นไม้ในบ้านล้มทับ ทำให้เสียชีวิต
ผลงานโดดเด่นของ “ดร.เดือนเด่น” มีมากมาย โดยเฉพาะในด้านของการต่อต้านการคอรัปชั่น จนทำให้ “องค์กรต่อต้านคอรัปชัน(ประเทศไทย) แสดงความอาลัยผ่านแฟนเพจเฟซบุก ข้อความว่า
“ขอร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของ ดร. เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายการกำกับดูแลที่ดีสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่บ้านพักเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ถือเป็นการสูญเสียบุคลากรด้านวิชาการที่มีคุณค่าของประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง
ที่ผ่านมา ดร.เดือนเด่น ได้อุทิศตน ทำงานวิจัยเพื่อประโยชน์สาธารณะมากมาย และยังได้ร่วมงานด้านต่อต้านคอร์รัปชันด้วยความมุ่งมั่นมาตลอดองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ขอร่วมไว้อาลัยและขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสีย มา ณ โอกาสนี้
สำหรับประวัติการทำงานของดร.เดือนเด่น ตั้งแต่ปี 2531-ปัจจุบันมีดังนี้ ประกอบด้วย พ.ศ. 2531-2532 รองนักวิจัย ฝ่ายอุตสาหกรรม การค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
พ.ศ. 2533-2534 ผู้ชวยวิจัยที่ Queen’s University พ.ศ. 2538-2543 ผู้เชี่ยวชาญ ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจรายสาขา มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
พ.ศ. 2544-2550 ผู้อํานวยการวิจัย ด้านบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจรายสาขา มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย พ.ศ. 2550-2551 เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2551-ปัจจุบัน ผู้อํานวยการวิจัย ด้านบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจฝ่ายวิจัย เศรษฐกิจรายสาขา
ผลงานวิจัยที่โดดเด่น อาทิ 1.การศึกษาโครงสร้างองค์กรในการบริหารจัดการน้ำในภาวะปกติ และภาวะน้ำท่วม สนับสนุนโดย International Development Research Centre (IDRC) แห่งแคนาดา 2.การสร้างมาตรการในการส่งเสริมความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในองค์กรกับดูแลภาคธุรกิจ โครงการ priority research ของสถาบันวจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย 3.โครงการประเมินโอกาสในการให้บริการค้ำประกันแก่สถาบันการเงิน ที่ไม่ใช่ธนาคาร (non-bank) ว่าจ้างโดยบริษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อม และ 4.โครงการทบทวนงานวิจัยด้านการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย ว่าจ้างโดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
และอีกงานที่สังคมรู้จักดร.เดือนเด่นมากขึ้น กับการแสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการ ไม่เห็นด้วยกับการผูกขาดการค้า และเคยให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ถึงการประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดอากร หรือ ดิวตี้ฟรี
ดร.เดือนเด่น เสนอความคิดเห็นว่า ไม่เห็นด้วยที่จะรวบ 4 สนามบิน เป็น 1 สัญญา เพราะแต่ละสนามบินมีลักษณะไม่เหมือนกัน การประมูลจึงควรแยกสัญญาเป็นของแต่ละสนามบิน หากรัฐต้องการผลตอบแทนที่ดีที่สุดจะต้องไม่พ่วงสัญญา นอกจากนั้น แต่ละสนามบินก็ไม่ต้องการผู้ประกอบการรายเดียว เพราะสนามบินขนาดไม่เท่ากัน สิ่งแวดล้อมก็ต่างกัน ดังนั้น ในการทำสัญญากับผู้ประกอบการรายเดียวก็เป็นไปได้สำหรับสนามบินเล็ก ๆ หากไม่ใช่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ถ้าเป็นสนามบินสุวรรณภูมิที่มีขนาดใหญ่ ไม่เห็นด้วยหากจะมีสัญญาเดียวสำหรับผู้ประกอบการรายเดียว
"เรื่องนี้พิสูจน์มาจากหลายสนามบินในโลกที่มีขนาดใหญ่และเล็กกว่าสุวรรณภูมิก็มีหลายสัญญา อย่างเช่น สนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ที่มีขนาดของสนามบินเท่ากับสุวรรณภูมิ ก็มีหลายสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรี โดยแตกเป็นประเภทและหมวดหมู่ของสินค้า"
สำหรับข้อดีของการแยกสัญญารายประเภทสินค้า คือ 1.จะทำให้มีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เพราะหากเป็นผู้ประกอบการรายเดียวจะไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในทุกสินค้า ดังนั้น ผู้ประกอบการรายหนึ่งอาจจะเชี่ยวชาญเรื่องเครื่องสำอาง อีกรายเชี่ยวชาญเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ อีกรายเชี่ยวชาญเรื่องเหล้า บุหรี่ เปรียบได้กับห้างสรรพสินค้า ทั้งห้างหากมีผู้ประกอบการรายเดียว ก็อาจไม่ใช่ จึงมีผู้ที่ถนัดในแต่ละประเภทสินค้ามาเสนอขายสินค้าแต่ละประเภท
2.ผลตอบแทนกับรัฐจะได้มากขึ้น เงินที่นำส่งรัฐจะมากกว่าการให้สัมปทานรายเดียว เพราะสินค้าแต่ละแบบกำไรไม่เหมือนกัน ดังนั้น ผลตอบแทนให้รัฐก็ไม่เท่ากัน เช่น บางรายถนัดสินค้าประเภท เหล้า บุหรี่ เครื่องสำอาง กำไรก็จะสูง 30-40% แต่กลับไม่ถนัดสินค้าประเภทเสื้อผ้า แต่ก็ต้องขายทั้งที่กำไรไม่สูง เมื่อนำกำไรมาถัวเฉลี่ยกำไรก็ทำให้รายได้ฉุดลง การส่งรายได้เข้ารัฐก็น้อยลง แต่หากแยกสินค้าตามความถนัดของผู้ประกอบการ โอกาสที่จะมีกำไรก็มากขึ้น แทนที่จะเฉลี่ยกำไรและขาดทุนในผู้ประกอบการรายเดียว รัฐเองก็จะได้รายได้มากขึ้นด้วย เพราะที่ผ่านมา รายได้ของรัฐต่ำกว่าสนามบินอื่นอย่างมาก
นั่นคือบางส่วนที่ "ดร.เดือนเด่น" ได้อุทิศตนสร้างคุณูปการให้กับประเทศและวงการนักเศรษฐศาสตร์ “ฐานเศรษฐกิจ” ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว และอาลัยกับ "นักวิชาการต้านโกง นักสู้การผู้ขาดการค้า" อย่างสุดซึ้ง
