ศึกชิงอู่ตะเภา‘ซีพี-บีทีเอส’ ลุ้นระทึกมติศาลปกครองสูงสุด

24 ต.ค. 2562 | 23:10 น.

          ใจชื้นขึ้นมาอีกโข สำหรับกลุ่มธนโฮลดิ้ง (CP) และพันธมิตร หลังจากเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งทุเลา การบังคับตามมติของคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่อยู่ระหว่างการเปิดประมูล PPP ในขณะนี้

ศึกชิงอู่ตะเภา‘ซีพี-บีทีเอส’  ลุ้นระทึกมติศาลปกครองสูงสุด

รับซองเกินเวลาไปพิจารณา

        คำสั่งดังกล่าว นับว่าเป็นการคุ้มครองชั่วคราวให้กับกลุ่มธนโฮลดิ้ง โดยให้คณะกรรมการคัดเลือกฯรับซองเอกสารที่ยื่นเกินเวลาไป 9 นาที ได้แก่ ข้อเสนอซอง 2 (ด้านเทคนิคและแผนธุรกิจ) กล่องที่ 6 และซอง 3 (ข้อเสนอด้านราคา) กล่องที่ 9 ไปรับพิจารณาตามขั้นตอนการคัดเลือกโครงการประมูลอู่ตะเภา ระหว่างรอการพิพากษาคดี ซึ่ง กลุ่มธนโฮลดิ้งได้ยื่นอุธรณ์แก่ศาลปกครองสูงสุดไปเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562

      โดยเป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของกลุ่มธนโฮลดิ้งเพื่อไม่ให้ตกขบวน ซึ่งก็ถือว่าพอหายใจได้เปราะหนึ่ง หลังจากก่อนหน้านี้ ความหวังถูกปิดตายไป ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2562 เมื่อถูกศาลปกครองกลางยกคำร้อง และเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการคัดเลือกฯที่ไม่รับพิจารณาซองที่ยื่น เกินเวลา

      ทั้งนี้จากคำสั่งดังกล่าวของศาลปกครองสูงสุด ส่งผลให้จากนี้ทางคณะกรรมการคัดเลือกฯก็จะต้องนำซองเอกสารที่ยื่นเกินเวลาดังกล่าวมาพิจารณา ที่จะเริ่มจากการพิจารณาซอง 2 ก่อน ถ้าผ่านคุณสมบัติก็จะมีการเปิดซอง 3 ของกลุ่มธนโฮลดิ้งต่อไป

ศึกชิงอู่ตะเภา‘ซีพี-บีทีเอส’  ลุ้นระทึกมติศาลปกครองสูงสุด

 


 

 

ลุ้น7 พ..ศาลนัดไต่สวน

       แต่การที่กลุ่มธนโฮลดิ้งจะได้ไปต่อจนสิ้นสุดกระบวนการประมูล หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำพิพากษาคดีของศาลปกครองสูงสุด ที่ศาลจะนัดอ่านไต่สวน ครั้งที่ 1 ในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้  โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯจะยึดคำพิพากษา ซึ่งถึงที่สุดแล้ว มาปฏิบัติตาม ซึ่งคำพิพากษาที่จะเกิดขึ้นมีอยู่ 2 ทาง ได้แก่

       1. ถ้าศาลปกครองสูงสุดมีมติยกคำร้องเหมือนที่ศาลปกครองกลางเคยมีมติไว้ ทางคณะกรรมการคัดเลือกฯก็จะไม่นำเอาผลของการพิจารณาซอง 2 และซอง 3 ของกลุ่มธนโฮลดิ้งมาพิจารณา

       งานนี้กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ของ 3 ตระกูลมหาเศรษฐี คือ ปราสาททองโอสถ-กาญจนพาสน์-ชาญวีรกูล คงเฮได้เต็มที่ เพราะในการปิดซองราคาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562 ก่อนหน้าที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กลุ่มนี้เสนอผลตอบแทนให้รัฐอยู่ในหลักแสนล้านบาท สูงกว่ากลุ่มแกรนด์ คอนซอร์เตียม ที่เสนอผลตอบแทนอยู่ในหลักหมื่นล้านบาท

       2. ถ้าศาลปกครองสูงสุด มีมติให้คณะกรรมการคัดเลือกฯรับซองที่เกินเวลาของกลุ่มธนโฮลดิ้งมาพิจารณา คณะกรรมการคัดเลือกฯก็ จะนำผลการพิจารณาซองที่เกินเวลาก่อนหน้านี้ที่ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้ม ครองชั่วคราวไว้แล้ว มาพิจารณาพร้อมกับ 2 กลุ่มที่มีการเปิดซองราคาไปแล้ว ใครเสนอค่าตอบแทนให้รัฐสูงสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล

ศึกชิงอู่ตะเภา‘ซีพี-บีทีเอส’  ลุ้นระทึกมติศาลปกครองสูงสุด

 

หลายฝ่ายเชื่อซีพีจ่อกินรวบ

      ถ้าเป็นเช่นนี้คู่ชิงแน่นอนว่าเป็นการเปิดศึกชิงประมูลรอบใหม่ระหว่างกลุ่มบีทีเอสและซีพีที่ซีพีก็หวังเต็มที่กับการกินรวบทั้งไฮสปีด เทรนเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เพื่อหวังว่าจะได้กำไรจากการลงทุนสนามบินอู่ตะเภา มาถัวกับโครงการไฮสปีด มีความเสี่ยงในการขาดทุนสูง จากปัญหาการส่งมอบพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศ ไทย (รฟท.) ที่ล่าช้า ขณะที่บีทีเอส ก็ผนึกบริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ของหมอเสริฐ (ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ) ชิง ประมูลสุดตัว

       งานนี้ไม่รู้ศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไร แต่เมื่อดูจากเหตุผลการคุ้ม ครองชั่วคราว ในวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ศาลปกครองสูงสุด ปลุกซีพีให้คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง

         ด้วยเหตุผลว่าข้อเสนอในโครง การขนาดใหญ่นี้ มีเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก แต่จากข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เกี่ยวกับการดําเนินการในเรื่อง นี้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีกระบวน การรับและตรวจปริมาณของเอกสารอย่างชัดเจน และกลับปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีกระบวนการให้ผู้ยื่นข้อเสนอแสดงตนว่าประสงค์จะเข้าร่วมการยื่นข้อเสนอด้วยการให้ลงทะเบียนก่อน แล้วหลังจากนั้นจึงมีกระบวนการรับและตรวจสอบเอกสารในลําดับถัดไป

        ทำให้หลายฝ่ายเทคะแนนไปแล้วว่างานนี้คำพิพากษาสุดท้าย ก็คาดว่าซีพี น่าจะเป็นผู้ชนะคดี งานนี้วัดกันที่ข้อเสนอราคา (ซอง 3) เชื่อขนมกินได้เลยว่าการเสนอราคาของบีทีเอส และซีพี จะอยู่ในหลักเกิน 1 แสนล้านบาทแน่นอน และถ้าซีพีเสนอราคาสูงกว่า ก็จะกวาดเรียบทั้งไฮสปีดเทรน 3 สนามบิน ยันโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา สมใจซีพี

 

รายงาน โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,516 วันที่ 24-26 ตุลาคม 2562

ศึกชิงอู่ตะเภา‘ซีพี-บีทีเอส’  ลุ้นระทึกมติศาลปกครองสูงสุด