ถึงเวลาใช้ยาแรง ชงครม.เคาะลดค่าธรรมเนียมโอนเหลือ 0.01%

21 ต.ค. 2562 | 09:21 น.

 

สศค.ส่งเจ้าหน้าที่สำรวจบ้าน-คอนโด ค้างสต๊อก ก่อนศึกษาออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ก่อนเสนอรมว.เคาะเร็วที่สุด

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้รับเรื่องจากนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ศึกษาแนวทางการดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย ที่ผู้ประกอบการต้องการให้ออกมาตรการกระตุ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้าน (LTV) ส่งผลให้ยอดขายและยอดการโอนอสังหาริมทรัพย์ ทั้งบ้านจัดสรรและคอนโดมีเนียมปรับตัวลดลง ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสต๊อกที่อยู่อาศัยทั้งหมด ว่ามีเหลือหรือค้างสต๊อกมากน้อยเพียงใด ก่อนจะมาประเมินว่าจำเป็นที่ต้องออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ตามที่ผู้ประกอบการร้องขอหรือไม่ ก่อนเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาให้เร็วที่สุด

 

ถึงเวลาใช้ยาแรง ชงครม.เคาะลดค่าธรรมเนียมโอนเหลือ 0.01%

ทั้งนี้สศค.หากพบว่า บ้านจัดสรรและคอนโดมีเนียมเหลือค้างสต๊อกเป็นจำนวนมากและส่งผลต่อการตัดสินใจการลงทุนสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จริง สาเหตุมาจากปัจจัยใด เพื่อแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด เช่น หากเกิดจากมาตรการ LTV จะต้องดำเนินการอย่างไร หรือหากเกิดจากประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการก่อหนี้ระยะยาวจะต้องมีแนวทางในการฟื้นความเชื่อมั่นเหล่านี้อย่างไร

“LTV ดี เพราะจะส่งผลดีต่อวินัยการออมของประชาชน แต่ถ้าพบว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ซบเซาเพราะปัจจัยนี้ก็ต้องหาแนวทางแก้ แต่ถ้าเกิดจากคนไม่มีกำลังซื้อ หรือไม่กล้าเป็นหนี้ระยะยาว ก็ต้องหาวิธีการกระตุ้น ซึ่งจะต้องทำให้ตรงจุด แต่ทั้งหมดทั้งมวลจะต้องสำรวจว่าภาคอสังหาริมทรัพย์แย่อย่างที่ผู้ประกอบการบอกจริงหรือไม่ก่อนนายลวรณ กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม นายลวรณ ยอมรับว่า มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เคยใช้ที่ประกอบด้วย การลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% ของราคาประเมินทุนทรัพย์เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดจากเดิม 1% ของมูลค่าที่จำนอง เหลือ 0.01% นั้น สามารถกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาฟื้นตัวได้ดี และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย ซึ่งสศค.ก็จะนำแนวทางดังกล่าวมาเป็นหนึ่งในการศึกษาด้วย

แนวทางที่สศค.เสนอนั้น จะศึกษาให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ซึ่งจะเน้นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อที่อยู่อาศัยให้เร็วขึ้น เพื่อเคลียร์สต็อกที่ค้างอยู่ แต่จะออกมาเป็นแบบไหน ต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณา เพราะเป็นระดับนโยบายที่ต้องตัดสินใจนายลวรณ กล่าว