ทุนสิงคโปร์ ทิ้งหุ้นไทย 1 ปี 3 แสนล้าน
รายงาน
เดือนสิงหาคม (1- 29 ส.ค. 62) นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 54,241 ล้านบาท แต่หากนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน YTD ยังซื้อสุทธิอยู่ราว 6,462 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 มูลค่ารวม 5.15 ล้านบาท คิดเป็น 29.97% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market cap) ซึ่งยังตํ่ากว่าช่วง 6 ปี (2556-2561) เฉลี่ยอยู่ที่ 32.68%
จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ พอร์ตการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติเมื่อแยกตามสัญชาติ 3 ชาติแรกที่มีการลงทุนมากสุดคือ อังกฤษ สิงคโปร์ และอเมริกา มีมูลค่ารวมกัน 3.14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 61% ของมูลค่าพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติรวม และเป็น 18.27% ของมาร์เก็ตแคป โดยพบว่าช่วง 3 ปี นักลงทุนจากอังกฤษลงทุนหุ้นไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากมูลค่า 1.69 ล้านล้านบาท ในปี 2560 เป็น 1.95 ล้านล้านบาทในปี 2561 และ 1.997 ล้านล้านบาทในปี 2562 คิดเป็นสัดส่วน 36.7%,37.4% และ 38.8% ของพอร์ตการลงทุนของต่างชาติรวมตามลำดับ
ขณะที่นักลงทุนสิงคโปร์กลับลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นไทยอย่างมีนัย โดยเฉพาะในช่วง 1 ปี (พฤษภาคม 2561-มิถุนายน 2562 )ลดลง 3.05 แสนล้านบาท จากมูลค่าลงทุน 9.85 แสนล้านบาทในปี 2561 มาเป็น 6.80 แสนล้านบาท ทำให้สัดส่วนที่ถือ 21.4% ของพอร์ตลงทุนในหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติรวมในปี 2561 มาอยู่ที่ 13.2% ในปัจจุบัน
จากข้อมูล “ฐานเศรษฐกิจ” พบว่ามูลเหตุสำคัญเกิดจากการปรับพอร์ตการลงทุนของเทมาเสก ที่มีมูลค่าการลงทุนในหุ้นไทยกว่า 2.7 แสนล้านบาท โดยเป็นการถือหุ้นไทยผ่าน Singtel Strategic มูลค่า 1.6 แสนล้านบาท (ในบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) 693.36 ล้านหุ้น สัดส่วน 23.32%) SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD มูลค่ากว่า 4.28 หมื่นล้านบาท (ในบมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) 673.35 ล้านหุ้น สัดส่วน 21% ก่อนขายออกบางส่วน) และผ่าน GIC Private Limited มูลค่ากว่า 6.4 หมื่นล้านบาทถือในหุ้นไทย 17-18 หลักทรัพย์
จะเห็นเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เทมาเสกได้ขายหุ้น INTUCH จำนวน 257.09 ล้านหุ้น เฉลี่ยหุ้นละ 60.75 บาท เป็นเงินกว่า 1.56 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้เมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2562 GIC ได้ตัดขายหุ้นทั้งหมดที่ถือใน บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 7% เป็นเงิน 9,066 ล้านบาท ที่ขายหุ้นละ 10.83 บาท ซึ่งเป็นการขายต่อเนื่องจากต้นปี 2561 ที่ได้ขายหุ้น LH ไปแล้ว 976 ล้านหุ้น หรือ 8.2 % ที่หุ้นละ 10.9 บาทวงเงิน 10,647 ล้านบาท
นอกจากนี้เมื่อย้อนไปปลายปี 2560 GIC ยังขายหุ้นที่ถือใน บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ หรือ QH ทั้งหมด 1,154.42 ล้านหุ้น สัดส่วน 10.77% สรุปในช่วง 2 ปี GIC ตัดขายหุ้นไทยทั้งสิ้น 8 หลักทรัพย์ คือ ADVANC, BEC, GLOW, QH, TMB, AAV, THRE
โดย ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2562 GIC ถือครองหุ้นไทยทั้งสิ้น 17 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 5.6 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วง 2 ปีก่อน (ปิดสมุดทะเบียน 8 ส.ค. 59) ที่ GIC ถืออยู่จำนวน 20 บริษัทมีมูลค่าการถือครองรวม 8.26 หมื่นล้านบาท โดย 3 อันดับแรกมูลค่าหุ้นที่ถือสูงสุดได้แก่ CPALL มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท, PTT มูลค่า 9,858 ล้านบาท และ CPF มูลค่า 9,354 ล้านบาท
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กระแสทุนจากต่างชาติ (fundflow) ช่วงที่เหลือปีนี้ คาดการไหลเข้ายังชะลอต่อ จากผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ในวันที่ 1 กันยายนนี้ เพราะทั้งสหรัฐฯและจีนต่างเรียกเก็บภาษี โดยสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนประกาศเก็บภาษี 5-10% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการเก็บภาษี 2 รอบ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน และ 15 ธันวาคม
“ ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าไทยมากสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม หลังจากที่ MSCI ได้เพิ่มนํ้าหนักลงทุนหุ้นไทยจาก 2.3% เป็น 2.8% เมื่อ 28 พฤษภาคม 2562 ส่งผลให้ภายใน 1 เดือน เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยกว่า 8 ล้านบาท จากที่ติดลบ 2.4 หมื่นล้านบาท ก่อนที่จะไหลออกโดยเดือนสิงหาคมนี้กว่า 5.4 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดช่วงที่เหลือฟันด์โฟลว์จะชะลอไหลเข้า เพราะนักลงทุนหันไปลงในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย กดให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (บอนด์ยีลด์) 10 ปีของไทยปรับลงไปตํ่าสุดที่ 1.46 % ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะสั้นสูงกว่าผลตอบแทนระยะยาว รวมถึงการลงทุนใน“ทองคำ” ที่ราคาปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 6 ปี” นายภราดร ยังมองว่าส่วนหนึ่งที่ นักลงทุนสิงคโปร์ ถือครองหุ้นไทยลดลง มาจากการปรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนเทมาเสก จากการขายหุ้นใน INTUCH ก็ดีและการขายผ่านกองทุน GIC
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,501 วันที่ 1-4 กันยายน 2562
