‘ธนาธร’ระทึก! ศาลรธน.นัดอภิปรายถือหุ้นสื่อ

02 ก.ย. 2562 | 03:30 น.

 

งวดเข้ามาทุกขณะสำหรับคดีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณี “ถือหุ้นสื่อ” ที่ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

โดยเมื่อวันอังคารที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา “ศาลรัฐธรรมนูญ” ซึ่งมีการประชุมกัน ก็ได้หยิบยกคดีของนายธนาธร ขึ้นมาอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยกันแล้วรอบหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติหรือข้อสรุปใด ๆ และได้นัดประชุมอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยกันต่อในการประชุมครั้งถัดไป สัปดาห์นี้

สำหรับคดีถือหุ้นสื่อของนายธนาธร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่

คดีนี้เกิดจาก นายธนาธร ถูกร้องเรียนว่า ถือหุ้นใน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจสื่อ เป็นความผิดว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.

โดยมีที่มาจากการถูกสื่อตั้งข้อสังเกตว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคและผู้สมัครส.ส.อนาคตใหม่ ถือครองหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดียฯ ซึ่งเป็นธุรกิจสื่อ จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นเวลาหลังสมัครรับเลือกตั้ง จึงเข้าลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ต่อมา ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เข้ายื่นคำร้อง กกต.ได้รับเรื่องและตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยเรียก ศรีสุวรรณ ให้ถ้อยคำเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา

เรื่องการถือครองหุ้นสื่อนี้ นายธนาธร ออกมาชี้แจงเป็นระยะ แต่ยิ่งมีประเด็นส่อพิรุธตามมา โดยรับว่าถือหุ้น บริษัทวี-ลัคฯ จำนวน 675,000 หุ้น ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2558 จริง แต่ได้โอนให้แม่ (นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ) แล้วตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 ก่อนวันสมัครรับเลือกตั้งวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ 2562 เช่นกันวันดังกล่าวภริยานายธนาธร ก็โอนหุ้นบริษัทนี้ให้นางสมพร ด้วยเช่นกัน ทำให้บริษัทมีผู้ถือหุ้นเหลือ 8 คนจากเดิม 10 คน ส่วนการบันทึกทางทะเบียนว่าเพิ่งโอนเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 เป็นขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ตนไม่รับรู้อะไรด้วย

 

‘ธนาธร’ระทึก!  ศาลรธน.นัดอภิปรายถือหุ้นสื่อ

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

 

แต่นายธนาธร ถูกตั้งข้อสงสัยต่อว่า ในรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ วันที่ 19 มีนาคม 2562 กลับมีผู้ถือหุ้นร่วมประชุม 10 คน ทั้งที่ควรจะเหลือ 8 คน

 

นายธนาธรชี้แจงว่า หลังจากโอนหุ้นให้มารดาแล้ว ต่อมาวันที่ 14 มกราคม 2562 นางสมพรได้โอนหุ้นให้หลาน 2คน จึงมีผู้ถือหุ้นบริษัทเป็น 10 คน และในวันประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว ตนเดินทางหาเสียงอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและกระบี่ทั้งวัน เป็นไปไม่ได้ที่จะมาร่วมประชุมผู้ถือหุ้น

เรื่องโอนหุ้นนี้ สื่อไปตรวจตราสารการโอนหุ้นของ นายธนาธร ที่ระบุว่าโอนหุ้นหมายเลข 1350001-2025000 ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 โดยนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลจากแบบสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ วี-ลัค นำส่งต่อนายทะเบียน ซึ่งระบุว่าคัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ปรากฏว่าใบหุ้น 1350001-2025000 ระบุว่าลงวันที่ 21 มีนาคม 2562 ซึ่งก็แสดงว่าหุ้นหมายเลข 1350001-2025000 เพิ่งมีการออกเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 หรือไม่

ดังนั้น ในตราสารการโอนหุ้นที่ระบุว่ามีการโอนหุ้นเลขหมายดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 จึงขัดต่อข้อเท็จจริง และตั้งข้อสังเกตว่า ตราสารการโอนหุ้นลงวันที่ 8 มกราคม 2562 เป็นการลงวันที่ย้อนหลังหรือไม่

‘ธนาธร’ระทึก!  ศาลรธน.นัดอภิปรายถือหุ้นสื่อ

หากเป็นการลงวันที่ย้อนหลัง แสดงว่าในช่วงที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. นายธนาธร ยังถือครองหุ้นธุรกิจสื่ออยู่ เข้าลักษณะต้องห้ามสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.ตาม ม.98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ว่า “(3)เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ” และในพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เขียนรับไว้ใน ม.42(3) คือ ห้ามถือหุ้นสื่อตั้งแต่ก่อนสมัครรับเลือกตั้งเลย

นอกจากนี้หากรู้อยู่แล้วว่าตนขาดคุณสมบัติ แต่ยังกระทำ มีโทษหนักทางอาญา คือ จำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-2000,000 บาท รวมทั้งถึงถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 20 ปี

คดีนี้น่าสนใจว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีข้อมูลครบถ้วนเพียงพอที่จะนัดอ่านคำพิพากษาได้เลย หรืออาจจะมีการเปิดไต่สวนเพื่อเรียกพยานเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมหรือไม่ เชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้ศาลจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ซึ่งต้องรอลุ้นกันดู... 

รายงาน โดย ทีมข่าวการเมือง

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3501 หน้า 16 วันที่ 1- 4 กันยายน 2562

‘ธนาธร’ระทึก!  ศาลรธน.นัดอภิปรายถือหุ้นสื่อ