หุ้นไทยดิ่ง 30 จุด เซ่นความวุ่นวายตปท.

13 ส.ค. 2562 | 10:15 น.

หุ้นไทยปิดลบ 30.41 จุด รับผลกระทบต่างประเทศกดดันรอบทิศ ทั้งสงครามการค้า เบร็กซิท และฮ่องกง โบรกชี้นักลงทุนโยกเงินเข้าทองคำ แนะเข้าหุ้นเสี่ยงน้อย ผลตอบแทนดี

 

ตลาดหุ้นไทยวันที่ 13 สิงหาคม 2562 เคลื่อนไหวในแดนลบรุนแรงตลอดทั้งวัน รับผลกระทบมากหลังจากปิดทำการในวันที่ 12 สิงหาคม 2562 ซึ่งตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับลดลงแรง โดยปัจจัยกดดันหลักมาจากความวุ่นวายในต่างประเทศ ทั้งสงครามการค้าสหรัฐกับจีน ประเด็นการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิท) และการประท้วงในฮ่องกง รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ไตรมาส 2 ยังออกมาอ่อนแอ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,620.23 จุด ลดลง 30.41 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 1.84% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 64,186.02 ล้านบาท ขณะที่ ระหว่างวันดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,644.15 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,619.03 จุด

 

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด

PTT ปิดที่ 43.00 บาท ลดลง 1.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,393.20 ล้านบาท

CPALL ปิดที่ 84.50 บาท ลดลง 2.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,382.82 ล้านบาท

AOT ปิดที่ 67.25 บาท ลดลง 2.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,139.07 ล้านบาท

MTC ปิดที่ 50.75 บาท ลดลง 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,650.43 ล้านบาท

ADVANC ปิดที่ 223.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,335.68 ล้านบาท

 

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับลดลงกว่า 30 จุด มาจากปัจจัยกดดันในต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งสงครามการค้าสหรัฐกับจีนที่การเจรจาไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งกรณีการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิท) ที่ยังอยู่ระหว่างหารือ และเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงที่มีความรุนแรงและยืดเยื้อ ซึ่งเป็นการปรับลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. 62 แต่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขาย ทำให้เมื่อเปิดตลาดในวันนี้ได้รับผลกระทบแรงเพิ่มขึ้นจากวันหยุดทำการ

 

ขณะเดียวกัน ปัจจัยในประเทศยังมีแรงกดดันจากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย งวดไตรมาส 2 ปี 62 ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด ส่วนกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติยังไหลออกต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว และมีสถานะชอร์ต ใน TFEX ของนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมีการย้ายเงินลงทุนออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ เป็นต้น ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนหากต้องการลงทุนในช่วงนี้ ให้เน้นที่หุ้นที่มีผลตอบแทนสูง ปันผลดี และราคาไม่แกว่งไปตามดัชนีหุ้นไทย โดยแนะนำหุ้น LH, HMPRO, RATCH, ADVANC, INTUCH และ BGRIM