ตลาดสมาร์ทโฮม โตแรง รับเทรนด์การอยู่อาศัยคนยุคใหม่
ตลาดสมาร์ทโฮม มาแรง รับเทรนด์การอยู่อาศัยใหม่ เน้นความปลอดภัยของชีวิต และมักอยู่ร่วมกันหลายเจเนอเรชัน ยอดขายโต 20-30%
กลยุทธ์การทำตลาดโครงการที่อยู่อาศัย ท่ามกลางการแข่งขันรุนแรงที่ผ่านมา นอกจากผู้พัฒนาฯต่างคำนึงถึงจุดแข็งเรื่องโลเกชันที่ตั้ง ระดับราคา โปรดักต์ และดีไซน์ที่สวยงามทันสมัยแล้ว จุดขายใหม่ที่ถูกนำมาใช้กันบ่อยและมากขึ้นเรื่อยๆ คือ การนำเทคโนโลยีนวัตกรรม สมาร์ทโฮม หรือ บ้านอัจฉริยะ ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ มาจับลูกค้าคนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย ไร้รอยต่อ เน้นความปลอดภัยของชีวิต และมักอยู่ร่วมกันหลายเจนเนอเรชัน ฟังก์ชันของอุปกรณ์จึงต้องหลากหลาย ทำให้ตลาดสมาร์ทโฮมเติบโตอย่างน่าสนใจ ขณะเดียวกันพบบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์, วัสดุก่อสร้าง หลายรายรุกตลาดจริงจังมากขึ้น รับการเติบโต 20-30%
นายธีธัช จึงกานต์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จาร์ตัน กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตติดตั้งและส่งออกระบบ “บ้าน” และ “อาคาร” ครบวงจร (JARTON) เปิดเผยว่าแม้ภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างชะลอตัว ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ และมาตรการ LTV แต่พบการซื้อ-ขายสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฮม โซลูชัน หรือ ระบบบ้านอัจฉริยะ กลับเติบโตสวนกระแส คาดเพราะส่วนหนึ่งมาจากผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสนใจสินค้านวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากขึ้น ขณะเดียวกันการที่มีสต๊อกคอนโดมิเนียมคงค้าง หรือเหลือขายในตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการต่างหาจุดขายใหม่ๆ ด้วยการนำสมาร์ทโฮม เข้าไปใช้ภายในห้องหรือในโครงการ เพื่อหวังเพิ่มมูลค่าให้แก่โครงการ ส่งผลปัจจุบันตลาดเติบโตขึ้นอย่างมากเพราะเทรนด์ที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ๆ ที่ใส่ใจต่อการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของลูกบ้าน
พร้อมระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตลาดดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในอนาคตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบ้านอัจริยะ จะมีโอกาสเติบโตอีกกว่า 25-30% หลังจากช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จอย่างมาก จากการรับงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในโครงการใหญ่ๆ รวมไปถึงงานปรับปรุงอาคารเก่าให้กลายเป็นอาคารอัจฉริยะ จึงได้พัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ระบบอุปกรณ์และการติดตั้งประตูหน้าต่างอะลูมิเนียม, ระบบอุปกรณ์ ห้องนํ้าและอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุ, ระบบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ประตูหน้าต่าง และโดยเฉพาะอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับนวัตกรรมระบบบ้านและอาคารอัจฉริยะ เช่น ระบบบริหารจัดการเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ระบบบริหารลานจอดรถ และระบบควบคุมการเข้าออก เป็นต้น ชูจุดเด่นควบคุมด้วยระบบ Wi-Fi และแอพพลิเคชัน ที่ให้ความเสถียรสูงกว่าระบบทั่วไป มีตัวเซ็นเซอร์จับการเปิด-ปิด ผ่านกล้องติดตั้ง กุญแจดิจิทัลควบคุมรหัสผ่านมือถือ โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
“พบว่า คนเริ่มให้การยอมรับกับสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น เพราะให้ประโยชน์กับเขาได้มากกว่าการแค่ควบคุมอุปกรณ์ในบ้านเท่านั้น ที่สำคัญคนให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย และคำนึงถึงเรื่องการประหยัดพลังงาน”
หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,496 วันที่ 15-17 สิงหาคม 2562
