มติก๊วนสามมิตรยัน“สุริยะ-อนุชา”ต้องรมต.ตามโผแรก

01 ก.ค. 2562 | 08:36 น.

ก๊วน“สามมิตร”ออกมติ 5 ข้อ ยัน“สุริยะ”ต้องนั่งรมต.พลังงานเท่านั้น เมินอุตสาหกรรม อ้างกลัวถูกวิจารณ์เอื้อธุรกิจครอบครัว ขณะที่“อนุชา”ต้องรมช.คลัง ขู่หากไม่เป็นไปตามข้อเรียกร้อง พร้อมแสดงจุดยืนใหม่

วันนี้(1 ก.ค.62)  ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำกลุ่มสามมิตร ได้ร่วมประชุมหารือกับสมาชิกกลุ่ม หลังจากมีกระแสข่าวนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ พลาดหลังจากเก้าอี้รมว.พลังงาน และนายอนุชา นาคาสัย หลุดโผ รมช.คลัง

ภายหลังการหารือ ได้มีแถลงการณ์ของกลุ่มสามมิตร เกี่ยวกับมติเกี่ยวกับแนวทางและข้อเสนอของกลุ่มสามมิตร ต่อการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ระบุว่า

“พวกเรากลุ่มสามมิตรซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจาก ทุกภูมิภาค จำนวนกว่า 30 คน และเป็นกลุ่มนักการเมืองกลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาร่วมกันช่วยสร้างความเติบโตให้กับพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่เริ่มต้นการจัดตั้งพรรค ด้วยอุดมการณ์ที่ต้องเห็นประเทศชาติหลุดพ้นจากปัญหาต่างๆ ที่สะสมมายาวนานโดยเฉพาะปัญหาปากท้องประชาชน และความขัดแย้งทางการเมือง พวกเราได้ชักชวนบุคคลที่มีแนวคิดทางการเมืองเหมือนกัน ให้เข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐจากทั่วทุกภาคของประเทศ จนมีสมาชิกที่เป็นนักการเมืองเก่า และใหม่ เข้ามาร่วมงานนับมากกว่าหนึ่งร้อยชีวิต แม้จะไม่สามารถชนะการเลือกตั้งได้ทุกคน แต่ก็ได้ทำให้พรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนจำนวนมากจากทุกเขตเลือกตั้งจนมีคะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งจากทุกพรรคการเมือง

โดยตั้งแต่วันแรกที่กลุ่มรวมตัวกันขึ้นมานั้น มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นาย สมศักดิ์ เทพสุทิน และ นายอนุชา นาคาศัย  เป็นแกนนำ ได้เสียสละ ทุ่มเท ทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด รวมทั้งคอยช่วยเหลือสมาชิกของกลุ่มที่เป็นผู้สมัคร ส.ส.รวมถึงผู้สมัครของพรรคอีกจำนวนมาก ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาอีกด้วย

มติก๊วนสามมิตรยัน“สุริยะ-อนุชา”ต้องรมต.ตามโผแรก

เมื่อผลการเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย เพื่อสานต่อนโยบายและนำนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาประเทศให้กับพี่น้องประชาชน สมาชิกในกลุ่มสามมิตรทุกคน ต่างมีความเห็นโดยพร้อมเพรียงกัน ในการสนับสนุนให้แกนนำกลุ่มทั้ง 3 ท่าน ได้เป็นตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ในฝ่ายบริหารเพื่อผลักดันนโยบายที่ได้ประกาศหาเสียงไว้กับพี่น้องประชาชน โดยเชื่อมั่นว่าทั้ง 3 ท่านมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่จะร่วมทำงานภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ในวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางกลุ่มได้รับทราบว่า นายสุริยะ จะได้รับตำแหน่งเป็นรมว.พลังงาน นาย สมศักดิ์ จะได้รับตำแหน่งเป็นรมว.ยุติธรรมและนายอนุชา จะได้รับตำแหน่งเป็น รมช.คลัง ซึ่งแม้ว่าจะไม่ตรงกับความตั้งใจ ในสิ่งที่ทั้ง 3 ท่านได้แสดงความเห็นและมีความพร้อมที่ต้องการผลักดันนโยบายในกระทรวงที่สำคัญๆ และทั้ง 3 ท่านมีความเหมาะสมกับตำแหน่งต่าง ๆ ดังกล่าว

ดังนั้น ทางกลุ่มสามมิตร เดิมทีแรกตั้งใจจะมาแสดงความยินดีกับทั้ง 3ท่าน แต่เมื่อรับทราบข่าวค่อนข้างแน่ชัดว่าจะมีการสลับตำแหน่งนายสุริยะ และนายอนุชา จะหลุดจากการได้รับตำแหน่ง ทางกลุ่มได้ปรึกษาหารือร่วมกันแล้ว มีความเห็นตรงกัน ตามจุดยืนที่แถลงให้ทราบ ดังนี้

มติก๊วนสามมิตรยัน“สุริยะ-อนุชา”ต้องรมต.ตามโผแรก

1.กลุ่มสามมิตร เห็นว่า นายสุริยะ มีความเหมาะสมที่จะได้รับตำแหน่งรมว.พลังงาน มากกว่ากระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งอาจถูกวิจารณ์เกี่ยวกับตระกูลของท่านที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ทางด้านอุตสาหกรรม โดยนายอุตตม ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ได้เสนอชื่อนายสุริยะ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน ต่อนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคก็เห็นชอบและไม่ขัดข้องใดๆ

อีกทั้งก็ไม่ปรากฎว่ามีบุคคลอื่นในพรรคต้องการหรือออกมาเรียกร้อง หรือไม่มีข้อมูลว่า นายสุริยะ เป็นแล้วจะเกิดปัญหาอย่างไร หรือแม้กระทั่งว่าการวิจารณ์ว่านายสุริยะ ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง รมว.พลังงาน แต่อย่างใด การสลับตำแหน่งดังกล่าวย่อมกลับทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผลจำเป็นแต่อย่างใด และขอให้นายอนุชา เป็นรมช.คลัง

2. หากเป็นไปตามข้อ 1. นั้น ทางกลุ่มเชื่อมั่นว่าทั้ง 3 ท่านจะสามารถทำงานร่วมกับท่านนายกฯ และรัฐบาล เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้ออกมาเป็นรูปธรรมอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วอย่างแน่นอน

3. กลุ่มเราเชื่อมั่นว่า นอกจากงานทางด้านบริหารแล้ว ทั้ง 3 ท่านจะสามารถช่วยงานนายกรัฐมนตรีขับเคลื่อนงานในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน

4.หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือสลับตำแหน่งที่แตกต่างจากข้อ 1.ทางกลุ่มมีความเห็นตรงกันว่ารัฐบาลจะขาดบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เข้าไปทำหน้าที่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้การบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพ และส่งผลในการยอมรับและศรัทธาของพี่น้องประชาชนต่อพรรคพลังประชารัฐ อย่างแน่นอน

และ 5. หลังจากมีการประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว หากไม่ตรงกับความเห็นตามข้อ 1.ของกลุ่มในครั้งนี้ ทางกลุ่มจะได้มีการหารือกัน เพื่อแสดงจุดยืน อีกครั้งต่อไป